หุ้นไทยปิดพุ่ง 19.17 จุด กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ ขึ้นนำตลาด ขานรับราคาน้ำมันรีบาวนด์ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดตลาดคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก โดยมีแนวรับ 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียบวกได้ราว 1.5% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้น 1.6% เหมือนกันดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่บวกได้ราว 300 จุด ตอบรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน สหรัฐฯ และยุโรปต่างออกมาดีเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ทิศทางตลาดสหรัฐฯ และทั่วโลกต่างรอปัจจัยนี้เพื่อปลดล็อก ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ต่างก็ต้องดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเจอผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างหนัก
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน-กลุ่มปิโตรเคมีที่ขึ้นนำตลาด ผลจากราคาน้ำมันรีบาวนด์ขึ้นหลังแผ่วไป 4-5 วันก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนสถาบันจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในวันนี้ด้วย ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศเริ่มทรงตัว แต่ยังมีความคาดหวังถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกปัจจัยในประเทศด้วย
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,221.33 จุด เพิ่มขึ้น 19.17 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.59% มูลค่าการซื้อขาย 50,169.98 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก โดยมีแนวรับ 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านที่สำคัญ
นอกจากนี้ ให้รอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย.นี้ โดยรอดูถ้อยแถลงของประธานเฟด และติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหลังจากที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก และยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ด้วย ส่วนบ้านเราให้รอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป