ก.ล.ต. ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย ได้แก่ (1) นายอภิชาติ สุขจิรวัฒน์ กรณีขายหุ้น บริษัทอิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ICHI) โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน (2) นางอิง ภาสกรนที กรณีเปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับ ICHI แก่บุคคลอื่น และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นในการขายหุ้น ICHI (3) น.ส.สุภาณี สุขพันธุ์ถาวร กรณีขายหุ้น ICHI โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมจำนวน 33,173,237.48 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้ง 3 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2560 นายอภิชาติ สุขจิรวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงินของ ICHI รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานปี 2559 ของ ICHI ที่มีกำไรสุทธิลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2559 มีผลขาดทุนสุทธิ และนายอภิชาติได้ขายหุ้น ICHI เมื่อวันที่ 10-20 มกราคม 2560 จำนวน 3,529,800 หุ้น ที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ทำให้ได้ประโยชน์จากการหลีกเลี่ยงผลขาดทุน ก่อนมีการเปิดเผยผลการดำเนินงานในงบการเงินประจำปี 2559 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560
ขณะที่ด้าน นางอิง ภาสกรนที รองกรรมการผู้อำนวยการ รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริษัท ICHI รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานปี 2559 ของ ICHI ที่มีกำไรสุทธิลดลง และนางอิง ได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวแก่ น.ส.สุภาณี สุขพันธุ์ถาวร (พี่สาวของนางอิง) และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ น.ส.สุภาณี ได้ขายหุ้น ICHI เมื่อวันที่ 23 มกราคม-23 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 10,263,300 หุ้น ทำให้ได้ประโยชน์จากการหลีกเลี่ยงผลขาดทุน ก่อนมีการเปิดเผยผลการดำเนินงานในงบการเงินประจำปี 2559 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกัน
การกระทำของนายอภิชาติ เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 พ.ศ.2559 มาตรา 242 (1) การกระทำของนางอิง เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242 (2) และมาตรา 315 ประกอบมาตรา 242 (1) และการกระทำของ น.ส.สุภาณี เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242 (1) ประกอบมาตรา 244 (4) การกระทำความผิดของผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายดังกล่าว มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับต่อนายอภิชาติ นางอิง และ น.ส.สุภาณี โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด โดยในส่วนของนายอภิชาติ คิดเป็นเงินรวม 7,801,494.66 บาท นางอิง คิดเป็นเงินรวม 1,105,225.66 บาท และ น.ส.สุภาณี คิดเป็นเงินรวม 24,266,517.16 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนายอภิชาติ นางอิง และ
น.ส.สุภาณี เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 12 เดือน
ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง หากผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ทั้งนี้ ค.ม.พ. วางแนวทางให้ ก.ล.ต. ร้องขอต่อศาลเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ