การผลักดัน ตลาดหุ้นธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และธุรกิจสตาร์ทอัป เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมจัดตั้งกระดานซื้อขายหุ้นประมาณไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีหุ้นเข้ามาซื้อขายประมาณ 40-50 บริษัท
กระดานหุ้น SME และหุ้นสตาร์ทอัปจะเป็นกระดานซื้อขายที่ 3 นอกเหนือจากกระดานหุ้นตลาดหลักทรัพย์และตลาด mai โดยจะเปิดกว้างให้นักลงทุนทุกประเภทเข้าซื้อขาย
หลักเกณฑ์การรับหุ้น จะเปิดให้บริษัทจำกัดและบริษัทมหาชน รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัป สามารถเข้าระดมทุนได้ โดยการยื่นแบบฟอร์มข้อมูลบริษัท ซึ่งมีรายละเอียดน้อยกว่าการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือไฟลิ่งของบริษัทจดทะเบียน และจะพิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นภายใน 14 วันทำการ ซึ่ง ก.ล.ต.จะเน้นการเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างครบถ้วน
สำหรับข้อมูลที่จะเปิดเผยเป็นข้อมูลสั้นๆ บนเว็บไซต์ ไม่มีการกำหนดเกณฑ์รายได้และกำไร ส่วน ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนต้องมีความเข้าใจในธุรกิจ SME และมีฐานะทางการเงินในระดับที่ดี
การตั้งกระดานหุ้นที่ 3 เพื่อเปิดทางให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน โดย ก.ล.ต.จะออกและปรับปรุงหลักเกณฑ์รองรับ และลดอุปสรรคการระดมทุน เช่น หลักเกณฑ์การออกและเสนอขายหุ้น การออกหุ้นกู้แปลงสภาพในวงจำกัด
ประมาณ 30 ปีก่อน ตลาดหลักทรัพย์เคยจัดตั้งกระดานหุ้นภูธร โดยรับบริษัทจดทะเบียนในภูธรเข้าซื้อขาย แต่ต้องปิดฉากลงในเวลาอันสั้น เพราะนักลงทุนไม่ให้ความสนใจ
ส่วน กระดานหุ้น SME และหุ้นสตาร์ทอัป จะเป็นดาบสองคม โดยเจตนารมณ์ในการจัดตั้งเป็นสิ่งที่ดี เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME และสตาร์ทอัปมีข่องทางการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ แต่นักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อขาย เสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย
ตลาดหุ้น SME และสตาร์ทอัปในต่างประเทศมีการจัดตั้งมาแล้ว แต่บริษัทที่เข้ามาซื้อขายส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน ล้มหายตายจากจำนวนมาก ทำให้นักลงทุนขาดทุนกันจำนวนมาก และมีบริษัทเพียงส่วนน้อยที่ระดมทุนแล้วสามารถขยายกิจการจนเติบโต กลายเป็นบริษัทที่แข็งแรง สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่ผู้ลงทุน
กระดานหุ้น SME เป็นของใหม่ และอีกไม่ถึง 1 ปีจะเปิด โดยเปิดกว้างให้นักลงทุนทุกประเภทเข้าซื้อขาย แม้แต่นักลงทุนรายย่อย แต่ จะเป็นตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง เพราะบริษัทที่เข้ามาซื้อขายไม่จำเป็นต้องมีผลประกอบการย้อนหลัง ไม่ต้องแสดงความสามารถในการสร้างผลกำไร
การซื้อขายหุ้นจึงตั้งบนสมมติฐานแนวโน้มการเติบโตในอนาคตเท่านั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็งกำไรที่ร้อนแรง สำหรับบริษัทที่โฆษณาประชาสัมพันธ์เก่ง หรือเชี่ยวชาญในการสร้างข่าวดีเพื่อกระตุ้นความคาดหวังของนักลงทุน เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาด mai บางแห่ง
การจัดตั้งกระดานหุ้นที่ 3 เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งผลักดันผ่าน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ โดยหวังกระตุ้นธุรกิจ SME ธุรกิจสตาร์ทอัป และปล่อยให้นักลงทุนเป็นผู้แบกรับความเสี่ยง ด้วยวิจารณญาณของแต่ละคน
ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า กระดานหุ้น SME และ สตาร์อัปจะได้รับความนิยมขนาดไหน เป็นแหล่งระดมทุนที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดย่อมและธุรกิจเกิดใหม่ได้หรือไม่
แต่จะเป็นกระดานหุ้นที่ อันตรายอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนรายย่อย