โบรกฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจอาหารแช่แข็ง และบรรจุกระป๋องมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น แม้ยอดขายอาหารทะลแปรรูปจะชะลอการเติบโตลดลง แนะจับตาราคาปลาทูน่าผันผวน ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ กดดันต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายที่เพิ่มขึ้น
บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวถึงแนวโนมผลการดำเนินงานของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ว่า ประเมินว่ากำไรในไตรมาสที่ 3/63 คาดว่าจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งดีกว่าที่เราเคยประเมินไว้ เนื่องจาก Ambient seafood ยังขายดี ขณะที่ Frozen seafood ฟื้นตัว รวมทั้ง Red Lobster มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ จึงได้มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นสะท้อนถึงยอดขายและอัตรากำไรสูงกว่าคาด พร้อมทั้งปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า (PER 13 เท่า) เท่ากับ 16.50 บาท และปรับคำแนะนำจากถือ เป็นซื้อ
ยอดขายยังเติบโตดีหลังคลายล็อกดาวน์
อย่างไรก็ดี แม้ยอดขายอาหารทะลแปรรูป (Ambient seafood) ชะลอการเติบโตลงจาก 16.8% YoY ใน 2Q63 แต่ยังคงเติบโตมากกว่า 10% YoY ใน 3Q63 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ขณะที่ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็ง (Frozen seafood) ฟื้นตัวดีขึ้นหลังการคลายล็อกดาวน์ทำให้ Demand ฟื้นตัวจากการที่ร้านอาหารกลับมาเปิด โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งยอดขายกลับมาเกือบปกติแล้ว ส่วนในไทยยังลดลง YoY นอกจากนั้น ราคาเฉลี่ยปลาทูน่าในไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 18% QoQ และ 23% YoY เป็น 1,500 เหรียญ/ตัน ซึ่งมีส่วนทำให้คาดว่ายอดขายรวมเพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 6% YoY เป็น 33,695 ล้านบาท
อัตรากำไรขั้นต้นยังสูงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 147 bps YoY เป็น 17.4% เนื่องจาก Ambient seafood ซึ่งมีอัตรากำไรสูงยังคงขายดีต่อเนื่อง อีกทั้ง Frozen seafood มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ส่วน Red Lobster คาดว่าขาดทุนลดลงอย่างมีนัย QoQ (แต่ขาดทุนมากขึ้น YoY) เนื่องจากร้านกลับมาเปิด มีการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยปรับเมนูอาหารและลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าโฆษณาและค่าเช่าร้าน ซึ่งประเมินกำไร 3Q63 เท่ากับ 1,801 ล้านบาท เติบโต 18% QoQ และ 32% YoY
ปรับประมาณการสะท้อนอัตรากำไรสูงกว่าคาด
จากแนวโน้มยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/63 ดีกว่าคาด รวมทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจของ Red Lobster ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการขาดทุนลดลงต่อเนื่อง จึงปรับประมาณการกำไรปี 2563-2564 ขึ้น 32% และ 19% ตามลำดับ นอกจากนั้น คาดว่า TU มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ คาดว่าอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4%
ความเสี่ยง : ผลประกอบการ Red Lobster ขาดทุนต่อเนื่อง ราคาปลาทูน่าผันผวน เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัย ต้นทุนวัตถุดิบสูง ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายเพิ่มขึ้น
ขณะที่ บล.กรุงศรี มองว่าประมาณการกำไรในไตรมาส 3/63 ที่ Bt1.79b (+30% yoy, +4% qoq) หนุนโดย (1) ปริมาณการส่งออกที่อาหารทะเลแปรรูปสูงขึ้น และ (2) ส่วนแบ่งขาดทุนจากร้านอาหาร Red Lobster ที่ลดลง คาดรายได้จากการขายในในไตรมาส 3/63 จะเติบโต 12% yoy ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวขึ้น 17.8% เทียบกับ 15.9% ในไตรมาส 3 ปี 62
ทั้งนี้ ในปีถัดไปกำไรของ TU จะยังคงได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของอาหารทะเลแช่แข็ง เราอาจปรับประมาณการกำไรขั้นต้นขึ้น (รวมถึงกำไร) สำหรับผลประกอบการเต็มปีของปี 2563-2564 คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย Bt17.60 /sh
คาดกำไรในไตรมาส 3/63 ที่ Bt1.79b
อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/63 จะอยู่ที่ Bt1.79b เพิ่มขึ้น 30% yoy และ 4% qoq กำไรในไตรมาส 3/63 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น yoy โดยได้รับแรงหนุนจาก (1) ปริมาณการส่งออกทูน่ากระป๋องที่เพิ่มขึ้นราว 20% yoy และ (2) อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นสู่ 17.8% จาก 15.9% ใน 3Q19 ด้านกำไรที่คาดว่าจะเติบโต qoq จะได้รับแรงหนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ Red Lobster ซึ่งคาดว่าจะมีผลขาดทุน Bt250m เทียบกับขาดทุน Bt702m ใน 2Q20 หากไม่รวมรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ Bt50m กำไรปกติจะอยู่ที่ Bt1.86b เพิ่มขึ้น 37% yoy และ23% qoq
ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ดี คาดว่าปริมาณขายจากอาหารทะเลแช่แข็งจะฟื้นตัวจาก (1) ความต้องการที่สูงขึ้นหลังจากการเปิดธุรกิจใหม่อีกครั้งในทุกภาคส่วน และ (2) โอกาสในการขยายตลาดกุ้งแช่แข็งหลังจากบรรจุภัณฑ์กุ้งแช่แข็งจากเอกวาดอร์พบเชื้อ Covid-19 โดยเอกวาดอร์คิดเป็น 21% ของตลาดกุ้งทั่วโลก
คงคำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมาย Bt17.60 และมีโอกาสปรับประมาณการกำไรเต็มปีของปี 2563 และปี 2564 ดีขึ้น เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยสำหรับปีนี้และปีหน้าอาจมากกว่าสมมติฐานปัจจุบันของเราที่ 15.5% ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าเกิดจากอัตราการผลิตที่สูงขึ้นในธุรกิจอาหารแปรรูป เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TU จากมุมมองเชิงบวกสำหรับครึ่งแรกของปี 2563 ราคาเป้าหมายของเราเทียบเท่า 16x ในกำไรสุทธิของผลประกอบการงวดปี 2564