"ที คิว อาร์" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดใน SET โดยมีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เผยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปลงทุนด้าน IT และทำแบบจำลองธุรกิจประกัน
บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (Filing) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในวันที่ 1 ต.ค.63 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.09% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อใช้ในการลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ (Operational Efficiency Improvement Platform) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 20 ล้านบาทภายในปี 64 การลงทุนพัฒนาแบบจำลองทางการเงิน (Financial Model) สำหรับธุรกิจการประกันภัยต่อ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการประกอบธุรกิจ ประมาณ 20 ล้านบาท ภายในปี 2564 และเป็นเงินลงทุนอื่นๆ
TQR ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) ให้บริการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อให้แก่ลูกค้า โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจ คือ รายได้ค่าบริการ ซึ่งมาจากการให้บริการเป็นนายหน้าจัดหาสัญญาประกันภัยต่อ แบ่งตามลักษณะธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) และรายได้อื่น ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และหนี้สูญรับคืน
ทั้งนี้ รายได้หลักมาจากการให้บริการจัดหาสัญญาประกันภัยต่อ โดยบริษัทจะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของค่านายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Brokerage Fee) จากบริษัทรับประกันภัยต่อ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 92.60-98.88% ของรายได้รวม
ณ วันที่ 25 ก.ย.63 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 115 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 230 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 85 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 170 ล้านหุ้น โดยภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทจะมีทุนที่ออกและชำระแล้วเต็มจำนวน
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบด้วย นายอัญชลิน พรรณนิภา ถือหุ้น 59.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 35% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 25.87% นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ถือหุ้น 42.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 18.48% นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ ถือหุ้น 30.60 ล้านหุ้น คิดเป็น 18% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 13.30% นายพรเกษม เหล่าฤทธิรัตน์ ถือหุ้น 20.40 ล้านหุ้น คิดเป็น 12% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 8.87% นายกฤษณ์ สุจเร ถือหุ้น 17 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 7.39%
ผลการดำเนินงานในปี 60-62 บริษัทมีรายได้รวม 104.96 ล้านบาท 153.75 ล้านบาท และ 132.49 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 23.62 ล้านบาท 32.88 ล้านบาท และ 44.04 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 22.50%, 21.39% และเติบโตขึ้นเป็น 33.24% ในปี 62 ตามลำดับ
ในปี 61 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 48.79 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 46.48% จากปีก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเบี้ยประกันภัยต่อในสัญญาประกันภัยต่อกลุ่มประกันภัยรถยนต์ (Motor Insurance) สอดคล้องต่อการขยายพอร์ตประกันภัยรถยนต์ของลูกค้าของบริษัทฯ ขณะที่ในปี 62 รายได้รวมลดลง 21.26 ล้านบาท หรือลดลง 13.83% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากสภาวะการแข่งขันของการประกันภัยต่อที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มประกันภัยรถยนต์
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนของปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 101.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 45.59 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.03% ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 314.18 ล้านบาท หนี้สินรวม 257.31 ล้านบาท ส่วนของเจ้าของรวม 56.87 ล้านบาท
บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี