xs
xsm
sm
md
lg

บสย.-กพร.ลงนามอุ้มแรงงาน 9.5 หมื่นคน ดึง 4 ธนาคารร่วมปล่อยสินเชื่อ 29,300 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บสย.-กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมบูรณาการฝ่า COVID-19 พลิกวิกฤตว่างงาน สร้างทักษะ ยกระดับฝีมือ ให้โอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ลงนามความร่วมมือ “โครงการพัฒนาทักษะและส่งเสริมการประกอบอาชีพ” สร้างอาชีพคนตกงาน คาดอุ้มแรงงาน 95,000 คน เกิดสินเชื่อในระบบสร้างอาชีพอิสระ 29,300 ล้านบาท

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. พร้อมให้ความสนับสนุนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงาน เพื่อช่วยเหลือตลาดแรงงานที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ทั้งกลุ่มตกงาน ว่างงาน และแรงงานกลุ่มที่มีความสามารถด้านงานช่าง หรืออาชีพอื่นๆ ที่ต้องการก้าวสู่ชีวิตใหม่ เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ภายใต้แนวคิด “บสย. เพื่อนแท้ SMEs ไทย ทางรอดใหม่ คู่ใจยามวิกฤต” มอบโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดย บสย. ให้การค้ำประกันสินเชื่อจากกลุ่มธนาคารพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ ให้แก่กลุ่มแรงงานที่ได้พัฒนาเพิ่มทักษะและฝีมือจาก กพร.

ขณะที่การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการมีพันธกิจใกล้เคียงกันในการช่วยเหลือของ บสย. และ กพร. ที่ช่วยเหลือแรงงานและกลุ่มคนตกงาน บัณฑิตจบใหม่ให้มีทางรอดโดยเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ในโครงการพัฒนาทักษะและส่งเสริมการประกอบอาชีพ การจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกระทรวงแรงงาน และ 4 ธนาคารพันธมิตรที่มีโครงการสินเชื่อช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและอาชีพอิสระต่างๆ และในการนี้ บสย. ยังได้นำเสนอศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A.Center) ที่เป็นทั้งที่ปรึกษาทางการเงินและศูนย์ให้ข้อมูลความรู้ เข้าสู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระในธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยกันยกระดับฝีมือแรงงาน เช่น ช่างชุมชน ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างซ่อมรถ ช่างแอร์ ช่างตัดผม ช่างก่อสร้าง เพื่อส่งเสริมแรงงานที่ตกงานให้เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพแบบครบวงจร

ในส่วนของสถานการณ์ด้านแรงงานของไทยปัจจุบันคาดว่า ยังคงเผชิญต่อปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จากข้อมูลไตรมาส 2/2563 การประเมินสถานการณ์แรงงาน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีผู้ว่างงานสะสม จำนวน 1.6 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ว่างงาน 1.1 ล้านคน และกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ 5 แสนคน และมีกำลังแรงงาน (ประชากรวัยแรงงาน อายุ 15-60 ปี) 38.2 ล้านคน โดยในไตรมาส 4/2563 ประมาณการว่า จะมีผู้ว่างงานสะสมจำนวน 2.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราการว่างงานสะสม 6.5% แบ่งเป็นกลุ่มผู้ว่างงาน 2 ล้านคน กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ 5 แสนคน และมีกำลังแรงงาน 38.4 ล้านคน

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ผลสำเร็จ 3 สร้าง คือ 1.สร้างความรู้โดยพัฒนาองค์ความรู้เพื่อต่อยอดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 2.สร้างอนาคตโดยให้เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น 3.สร้างโอกาสเชื่อมโยงธุรกิจต่อยอดด้านการขาย โดย บสย. ทำหน้าที่สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินที่มีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ร่วมเข้ากับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ซึ่งปัจจุบัน ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 3 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs ไทยชนะ และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Start up & Innobiz สอดคล้องต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบัน ดร.รักษ์ เป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

สำหรับธนาคารที่พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อขณะนี้มี 4 ธนาคาร ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบอาชีพอิสระ 8 โครงการ ประกอบด้วย

1.ธนาคารออมสิน
จำนวน 5 โครงการ ได้แก่

1.โครงการสินเชื่อเพื่อ Street food วงเงิน 3 ล้านต่อราย
2.โครงการสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย 
3.โครงการสินเชื่อประชาชนสุขใจ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย
4. โครงการสินเชื่อสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 50,000 บาทต่อราย 
5.โครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก วงเงิน 50,000 บาทต่อราย          


2.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อธุรกิจรายย่อย วงเงิน 200,0000 บาทต่อราย

3.ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย

4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อฮักบ้านเกิด

การร่วมมือของ กพร. บสย. และธนาคารพันธมิตรในครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบจากการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. จำนวน 29,300 ล้านบาท และช่วยอุ้มแรงงาน 95,000 คน ให้กลับมามีอาชีพและทางรอดในการฝ่าวิกฤต COVID-19

ในส่วน กพร. จะดำเนินการสนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มแรงงาน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

1.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างและต้องการสร้างอาชีพ 

2.กลุ่มผู้ว่างงานที่ต้องการประกอบอาชีพอิสระ  

และ 3.กลุ่มที่ให้ความรู้ด้านช่างและอาชีพต่างๆ และต้องการผันตัวเองเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ทำหน้าที่ให้ความรู้และฝึกทักษะต่างๆ ภายใต้ 3 หน่วยงานหลักคือ 1.สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 77 ทั่วประเทศ ในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน 2.สำนักพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก หน่วยงานทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและหลักสูตรการอบรม Online 3.กองพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบกิจการ ดูแลและให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs ในการเพิ่มผลิตภาพแรงงานในสถานประกอบการตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน รับรองความรู้ความสามารถและการประกันคุณภาพ และ แอปพลิเคชัน “รวมช่าง” เพื่อเป็นศูนย์รวมช่างมืออาชีพ 

ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญในการส่งผ่านความช่วยเหลือในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 เพื่อเปิดโอกาสการมีงานทำ เปิดประตูสู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระตามที่ตนถนัด และพร้อมยกระดับพัฒนาฝีมือ โดยมี บสย. และ กพร. เป็นพี่เลี้ยงด้านการยกระดับฝีมือ และที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นการสร้างทางรอดอย่างยั่งยืนและช่วยลดอัตราการว่างงานในระบบได้ โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานฐานรากที่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ




กำลังโหลดความคิดเห็น