xs
xsm
sm
md
lg

"วีซ่า-ช้อปปี้" ประกาศแผนความร่วมมือ 5 ปี ลุยอีคอมเมิร์ซ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘วีซ่า-ช้อปปี้’ ประกาศแผนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะเวลา 5 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้แก่ผู้ใช้งานช้อปปี้ในการจับจ่ายและชำระเงินผ่านระบบของวีซ่า อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์และโปรโมชันอีกมากมาย รวมถึงการส่งเสริมการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงในระดับภูมิภาคระหว่างสองพันธมิตร ‘ช้อปปี้’ และ ‘วีซ่า’ มีพันธกิจร่วมกันดังนี้ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมปรับตัวเข้าสู่การทำธุรกิจบนโลกดิจิทัลได้อย่างยั่งยืนบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ พร้อมใช้ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลของวีซ่าควบคู่กัน รวมถึงจัดโปรแกรมส่งเสริมการขายและแคมเปญการตลาด ที่จะช่วยเพิ่มการรับรู้ (Awareness) ยอดขาย (Sales) และยอดผู้เข้าชมร้านค้า (Traffic) ให้แก่ร้านค้าในช่องทางออนไลน์ และการเปิดตัวบัตรเครดิตร่วมภายใต้การผนึกกำลังกับธนาคารชั้นนำในประเทศ

นอกจากนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ช้อปปี้มอบประสบการณ์การใช้งานที่คุ้มค่า สะดวกสบาย และปลอดภัยให้แก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ผ่านระบบการชำระเงินของวีซ่า ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย นำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจของผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกัน วีซ่าจะใช้โอกาสจากความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อขยายจำนวนผู้ใช้งานไปยังกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มนักชอปออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นผ่านฐานผู้ใช้งานที่มีอย่างมหาศาลบนแพลตฟอร์มช้อปปี้

นายเทอเรนซ์ แพง ประธานฝ่ายปฏิบัติการ ช้อปปี้ กล่าวว่า ช้อปปี้มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซของเราให้มีความพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โดยเราได้ทำงานร่วมกับวีซ่า อย่างใกล้ชิด เพื่อนำระบบเครือข่ายที่กว้างขวางและปลอดภัยมาช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเข้าสู่การทำธุรกิจบนโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ประกอบการที่อยู่นอกเมืองและพื้นที่ห่างไกล ในขณะที่กลุ่มผู้ซื้อเองยังจะได้รับประสบการณ์การชอปปิ้งที่ดียิ่งขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้น ผ่านสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะช่วยจูงใจในการจับจ่ายและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในองค์รวม ซึ่งช้อปปี้จะยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจในฐานะแพลตฟอร์มที่มีต้นกำเนิดในภูมิภาคนี้เพื่อผู้คนในภูมิภาคนี้ และปลดล็อกศักยภาพของโลกดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีต่อไป

นายนีล มัม หัวหน้าฝ่าย Merchant Sales & Acquiring ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก วีซ่า กล่าวว่า การที่ธุรกิจขนาดเล็กเดินหน้าปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลนั้นเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการค้าและการขยายตัวทางธุรกิจ ในปัจจุบันวีซ่ามุ่งเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการทุกขนาดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ และที่ใดในโลก ให้เข้าถึงลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านการให้บริการระบบชำระเงินแบบดิจิทัลที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการหันมาพึ่งระบบการชำระเงินแบบไร้การสัมผัส รวมไปถึงจับจ่ายใช้สอยบนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือกับช้อปปี้ในครั้งนี้นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญของวีซ่าที่ตอกย้ำให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่มีต่อผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพื่อให้ธุรกิจสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

โดยในอีกหลายเดือนต่อจากนี้ ช้อปปี้และวีซ่าจะเปิดตัวบัตรเครดิตร่วมกับธนาคารชั้นนำในแต่ละประเทศ โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ช้อปปี้ (ประเทศไทย) และวีซ่า ได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวบัตรเครดิต ‘กสิกรไทย-ช้อปปี้ วีซ่า แพลทินัม การ์ด เชื่อมมิติทุกการชอป’ โดยบัตรเครดิตนี้ชูจุดเด่นในเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมและการใช้งานที่สะดวกสบาย เพื่อเตรียมความพร้อมเหล่านักชอปเข้าสู่มหกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ในช่วงปลายปี โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้วีซ่าสามารถเข้าถึงและขยายฐานผู้ใช้ในประเทศไทยได้มากขึ้น

พร้อมกันนั้น จากความร่วมมือในครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ช้อปปี้สามารถเข้าถึง CyberSource บริการชำระเงินแบบครบวงจรในเครือของวีซ่า ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขั้นตอนการประมวลผลธุรกรรมและตรวจจับการฉ้อโกง เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่นักชอปว่าจะได้รับประสบการณ์การชอปปิ้งออนไลน์ที่ไร้รอยต่อและสะดวกสบายสูงสุด

"ด้วยจำนวนของประชาชนรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจในเทคโนโลยีที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกันการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง และการเปลี่ยนสู่การบริการรูปแบบออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน พ.ศ.2558 มีจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าออนไลน์อยู่เพียง 49 ล้านคน ซึ่งจำนวนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเป็น 150 ล้านคนใน พ.ศ.2562 โดยที่มากกว่า 70% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในภูมิภาค เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางธนาคารได้ ดังนั้น การนำระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลมาใช้งานจึงช่วยผลักดันให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น