หุ้นปิดลบ 2.52 จุด เจอการเมืองกดดัน แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดผันผวนจากใช้เกณฑ์ปกติช็อตเซล ทำให้เริ่มเห็นโมเมนตัมขาลงมากขึ้น แต่ยังมีลุ้น Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 3/63 มองว่าอาจมีการทำเป็นรายตัว แต่เห็นได้ชัดว่านักลงทุนสถาบันเริ่มถอย
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศตอบรับความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดหวังจะนำเรื่องเข้าพิจารณาในสภาในสัปดาห์หน้าอีกรอบ ทำให้ตลาดสหรัฐฯ เริ่มเก็งกำไรกัน และตลาดในเอเชียก็พยายามฟื้นตัวขึ้น แต่ตลาดบ้านเราไปได้ไม่ไกลเนื่องจากเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศกดดัน
นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าตลาดก็อาจจะผันผวนจากสัญญาฟิวเจอร์สหมดอายุ และในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็จะเริ่มกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของ Short Sell ทำให้เริ่มเห็นการสะสมช็อตเซลมากขึ้นวอลุ่มทะลุ 1 พันล้านบาทเมื่อวานนี้ จากเดิมอยู่ในระดับแค่ 500-600 ล้านบาท ด้วยความเสี่ยงและปัจจัยลบที่รออยู่ทำให้เล่นขา Short ง่ายกว่า
โดยการเทรดบ่ายนี้ตลาดในภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งบวก-ลบ ส่วนตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ส่วนใหญ่ติดลบ ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สยืนบวกได้เล็กน้อย ซึ่งทางฝั่งยุโรปยังมีความเป็นห่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,244.94 จุด ลดลง 2.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 45,623.65 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดคงจะผันผวนจากการปิดสัญญาฟิวเจอร์ส การปิดงบไตรมาส 3/63 และก็จะกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของ Short Sell ด้วย ทำให้เริ่มเห็นโมเมนตัมขาลงมากขึ้น แต่ยังมีลุ้น Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 3/63 มองว่าอาจมีการทำเป็นรายตัว แต่เห็นได้ชัดว่านักลงทุนสถาบันเริ่มถอย และยังต้องติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,220 จุด ส่วนแนวต้าน 1,270 จุด