หุ้นปิดลบ 7.53 จุด คาดสถาบันลดพอร์ตลงทุนหลังเผชิญปัจจัยเสี่ยงใน-นอกประเทศ สังเกตได้จากหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ พลังงาน ICT ต่างก็ปรับตัวลงกัน สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดตลาดมีโมเมนตัมลงได้เรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน และต้องการจะรอดูการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 ก.ย.นี้ก่อน
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ซึมลงเรื่อยๆ ตอบรับปัจจัยลบจากต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างติดลบกัน ขณะที่ตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้มีความเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งมองเป็นแค่การรีบาวนด์ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดในยุโรปร่วงไปถึง 3% ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยังติดลบอยู่ จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ทางฝั่งยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษ ที่อาจจะมีการล็อกดาวน์อีกครั้งทำให้อาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก
ส่วนบ้านเราก็ยังมีความวิตกการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 ก.ย.นี้ รวมถึงเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศให้บกลับไปใช้เกณฑ์ปกติของราคาขายชอร์ต (Short Sell) เริ่ม 1 ต.ค.63 เป็นต้นไป ซึ่งมองว่าตรงนี้เป็นการเปิดความเสี่ยงขาลง ทำให้นักลงทุนสามารถทำชอร์ตเซลที่ฝั่ง Bid ได้ ซึ่งในช่วงที่ตลาดเปราะบางในขณะนี้จากความเสี่ยงหลายปัจจัยทั้งในประเทศ และนอกประเทศ การกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของ Short Sell อาจจะเป็นผลเชิงลบต่อตลาดได้
"วันนี้คาดว่านักลงทุนสถาบันได้ลดพอร์ตลงทุน สังเกตได้จากหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ พลังงาน ICT ต่างก็ปรับตัวลงกัน"
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,267.63 จุด ลดลง 7.53 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.59% มูลค่าการซื้อขาย 42,536.46 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดมีโมเมนตัมลงได้เรื่อยๆ เนื่องจากนักลงทุนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน และต้องการจะรอดูการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 ก.ย.นี้ก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด