Igloo ประกาศความร่วมมือกับร่วมมือกับบริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ฟู้ดแพนด้า) ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวบริการ PandaCare โปรแกรมคุ้มครองพาร์ตเนอร์ผู้ส่งอาหาร ด้วยการให้บริการประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลในช่วงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึงความคุ้มครองโรคโควิด-19 โดยแผนประกันภัยรายย่อยเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างตลาดประกันภัยในประเทศไทยที่มีมูลค่าราว 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 45,000 ล้านบาท พร้อมกันนั้น Igloo ตั้งเป้าในการขยายฐานลูกค้าในประเทศไทย และมีแผนขยายทีมงานและแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกๆ เดือน รวมทั้งกำลังดำเนินการเพื่อระดมทุนรอบถัดไปเพื่อขยายฐานการเติบโตในภูมิภาค
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเพื่อส่งมอบบริการประกันภัย “PandaCare” ให้แก่พาร์ตเนอร์ผู้ส่งอาหารของฟู้ดแพนด้าที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการคุ้มครองประกันภัยที่ประกอบด้วยประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์จากบริษัท เอ็มเอสไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจาก บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และวงเงินชดเชยรายได้รายวันจากการเข้าพักในโรงพยาบาล จากบริษัท ทูนประกันภัย จำกัด (มหาชน)
น.ส.จันทร์จรัส จันทรกานต์ หรือคุณออย ผู้จัดการประจำประเทศไทย Igloo Thailand กล่าวว่า Igloo เข้าใจความต้องการและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของผู้ส่งอาหารอย่างฟู้ดแพนด้า จึงได้ออกแบบประกันภัยที่เหมาะสมและพัฒนาแพลตฟอร์มบริการประกันภัยแบบครบวงจร ใช้งานง่าย นับตั้งแต่การสมัคร การแจ้งเลขกรมธรรม์ รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเคลม โดยส่งมอบบริการประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ ประกันอุบัติเหตุ และประกันชดเชยรายได้ในช่วงระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ส่งอาหารมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดด้านการประกันภัย รวมทั้งเทคโนโลยีของ Igloo ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุนของบริษัทประกันภัย ทำให้สามารถนำเสนอเบี้ยประกันที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด
ทั้งนี้ Igloo ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมจากบริษัทประกันที่มีความแตกต่างกันมาไว้บนแพลตฟอร์มเดียว โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการของตลาด และเพื่อให้บริษัทพันธมิตรมีบริการที่หลากหลาย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 Igloo จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทย เช่น ประกันโรคร้ายแรง ประกันบ้านและทรัพย์สิน ประกันธุรกิจ ประกันความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต ประกันกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) และการประกันภัยสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน Igloo อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเพื่อเปิดตัวประกันภัยป้องกันหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นสิทธิบัตรของ Igloo รวมถึงมีแผนร่วมมือกับบริษัทประกันภัยชั้นนำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ที่จะพลิกโฉมวงการ และมีแผนขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆ เพื่อจัดหาประกันภัยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน นอกจากนี้ Igloo มีแผนเพิ่มทีมงานในประเทศไทยเพื่อรองรับกับการขยายตัวในอนาคต
"Igloo เล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดไทย จึงมุ่งเน้นนโยบายใน 2 เรื่องหลัก เรื่องแรก คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท และสองคือ นำเสนอเบี้ยประกันที่ราคาสมเหตุสมผล เพื่อให้บริการประกันภัยเข้าถึงและแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทย"
อนึ่ง Igloo แพลตฟอร์มอินชัวร์เทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อ "Axinan" มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ Igloo นำเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า (Big Data) มาใช้งานในการประเมินความเสี่ยงแบบผันแปรตามบุคคล (Dynamic Risk Assessment) และการดำเนินการเคลมประกันได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้พาร์ตเนอร์ของ Igloo มีเครือข่ายการบริการที่กว้างขวางขึ้น และผู้บริโภคสามารถเลือกใช้โซลูชันประกันภัยที่เหมาะกับกลุ่มของตนเองได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2559 Igloo มีฐานลูกค้ามากกว่า 15 ล้านรายในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
นายกฤตย์ กิตติรัตนา หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ บริษัท เดลิเวอรี่ ฮี่โร่ (ฟู้ดแพนด้า) ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การต่อสู้กับการระบาดของโรคต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกันของคนในอุตสาหกรรม เราพบว่า Igloo เป็นพันธมิตรที่นำเสนอบริการด้านการประกันภัยได้อย่างครบวงจร ซึ่งตรงกับความต้องการของเราในการให้คำมั่นสัญญากับพาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหารนับพันคนในการสร้างความปลอดภัยในการทำงานให้แก่พวกเขา ฟู้ดแพนด้าให้ความสำคัญตอความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพันธมิตรผู้จัดส่งอาหาร เพราะพวกเขามีบทบาทสำคัญในการบริการจัดส่งอาหารและของชำถึงหน้าประตูบ้านของทุกคนในช่วงการแพร่ระบาดนี้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าจำนวนการส่งอาหารในไทยในปีนี้จะเติบโตสูงถึง 84% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนไม่อยากไปร้านอาหาร และหันมาใช้บริการสั่งอาหารมากขึ้น ขณะที่จากข้อมูลตลาดประกันภัย พบว่า ประเทศไทยติดอันดับ 25 ประเทศแรกของโลกที่มีช่องว่างในตลาดประกันภัยที่สูง ในปี 2561 ประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้มีประกันภัยเพียง 1.7% ของประชากรทั้งหมด และมีช่องว่างของตลาดประกันภัยคิดเป็น 0.3% (1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 45,000 ล้านบาท) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)