ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในไทยเวลานี้คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทมหาเศรษฐีที่เพิ่งพ้นผิดจากข้อกล่าวหาขับรถหรูซิ่งชนตำรวจเสียชีวิต ซึ่งทำเอาทุกคนก่นด่าการทำงานของตำรวจและระบบยุติธรรมของไทย ซึ่งกรณีแบบนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น เพราะข้ามไปยังประเทศสิงคโปร์ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้น ที่บรรดาคนรวยและไฮโซพยายามใช้อภิสิทธิ์ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
โดยเมื่อปลายปี 2560 ลี เฉิง หยาน เจ้าของรถหรูมาเซราติที่ขับรถโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดนสายตรวจตำรวจจราจรเรียกให้หยุดตรวจรถ แต่เขากลับฝ่าฝืนคำสั่งเร่งเครื่องหนี โดยได้เกี่ยวเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ติดประตูรถไปด้วย ทำให้ขับลากร่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามพื้นถนนไกลถึง 124 เมตร ด้วยความเร็วราว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ในเคสนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่เสียชีวิตเหมือนกับกรณีของ บอส อยู่วิทยา แต่เจ้าหน้าที่ก็เจ็บหนักและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่หลายสิบวัน แถมอาการบาดเจ็บที่เข่า คอ หลัง ทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรได้อีกต่อไป
หลังนายลีก่อเหตุก็ได้พยายามขับหนี แต่ก็มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์พยายามขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่ตาม เขาขับรถอย่างผิดกฎหมายด้วยการสวนเลนและฝ่าสัญญาณไฟจราจร ก่อนจะลงรถหลบหนีไป ทิ้งรถไว้กลางทาง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยกล้องวงจรปิดและสืบหาประวัติเจ้าของรถตามจับตัวเขามาได้
เช่นเดียวกับกรณีของนายบอสที่ช่วงแรกเขาได้อ้างว่าคนขับรถเป็นคนขับรถชนตำรวจ ในกรณีของนายลี เขาให้การว่าตัวเขาเองไม่ได้เป็นคนขับรถคันดังกล่าว และเพื่อนเขาที่ชื่อ “เคลวิน” เป็นคนเอารถไปใช้ โดยบอกว่าเคลวินกับเขามีลักษณะรูปร่างส่วนสูงใกล้เคียงกัน แถมในวันนั้นยังแต่งกายคล้ายกันด้วย
แต่เมื่อถามถึงรายละเอียดของเคลวิน เขากลับไม่รู้แม้กระทั่งนามสกุลหรือที่อยู่ รู้เพียงเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ ทำให้เมื่อปลายปีที่แล้วศาลได้ตัดสินว่าเขามีความผิดทั้ง 10 ข้อกล่าวหาตามที่อัยการสั่งฟ้อง ทั้งการผิดกฎจราจร การทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ การขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ
ในการฟังคำพิจารณาคดีของศาล นายลีไม่ได้มาตามนัด นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาผิดนัดศาล ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน ก่อนจะเลื่อนมาเป็นวันที่ 30 มิถุนายน และครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งทุกครั้งนั้นเขาได้แจ้งว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ โดยยื่นใบรับรองจากคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งที่แจ้งว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งตามมาตรการดูแลโควิดของสิงคโปร์ ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านจนกว่าอาการจะหายดี หรือไม่ก็ต้องจนกว่าจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิดที่ผลเป็นลบ ทำให้ทุกคนมองว่านายลีอาศัยสถานการณ์ช่วงโควิดและใช้ช่องโหว่ของมาตรการพิเศษในช่วงนี้เป็นข้ออ้างในการหนีศาล
ล่าสุดเมื่อเช้าวันอังคาร (28) ที่ผ่านมานี้ ศาลสิงคโปร์ได้ตัดสินบทลงโทษให้เขาต้องโทษจำคุก 55 เดือน และห้ามขับรถตลอดชีวิต แต่ทนายของนายลีได้ยื่นขออุทธรณ์คำตัดสิน โดยกล่าวว่าการห้ามขับรถตลอดชีวิตรุนแรงเกินไป และขอลดหย่อนโทษเหลือไม่เกิน 24 เดือน เขาให้เหตุผลว่าเขาต้องดูแลน้องชายผู้พิการทางสมองและพ่อแม่ที่ไม่ค่อยสบาย