บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 18 ธนาคารพันธมิตร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Soft Loan พลัส (Portfolio Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส) วงเงินค้ำฯ 57,000 ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นประธานในพิธีลงนาม และ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน มั่นใจเสริมสร้างบรรยากาศการปล่อยสินเชื่อ SMEs คึกคัก รักษาการจ้างงานกว่า 360,000 ตำแหน่ง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการ SMEs นำไปสู่การหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจกลุ่มฐานราก ผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ที่ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มคนตัวเล็ก ผู้ประกอบการอาชีพอิสระ และคนตกงาน มั่นใจเสริมสร้างบรรยากาศการปล่อยสินเชื่อ SMEs ให้คึกคัก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจตลอดไตรมาส 3-4 เกิดสินเชื่อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 57,000 ล้านบาท
ด้านศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า โครงการนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อตลาดแรงงาน ทั้งช่วยลดปัญหาการว่างงาน และอุ้มการจ้างงานกว่า 360,000 ตำแหน่ง โดยคาดว่าจะนำไปสู่การขยายผลต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Soft Loan พลัส สู่การบูรณาการความร่วมมือด้านการสร้างงานสร้างอาชีพ ระหว่างกระทรวงแรงงาน กับ บสย. และยกระดับการสร้างอาชีพแก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ผ่านการฝึกอบรมจากกระทรวงแรงงาน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในโอกาสต่อไป
ขณะที่ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. และ 18 ธนาคารพันธมิตรได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ มาตรการ “บสย. SMEs ต้องชนะ” โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Soft Loan พลัส วงเงิน 57,000 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บสย. สามารถรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ สามารถเข้าถึงสินเชื่อ 34,000 ราย โดยโครงการนี้จะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 57,000 ล้านบาท ช่วยลดปัญหาการว่างงาน มั่นใจรักษาการจ้างงานได้กว่า 360,000 ตำแหน่ง โดย บสย. จะค้ำประกันสินเชื่อต่อเนื่องจากโครงการ Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกเป็นระยะเวลา 8 ปี เริ่มค้ำประกันตั้งแต่ปีที่ 3 จนถึงปีที่ 10
"นอกจากความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตรในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Soft Loan พลัส แล้ว บสย. ยังได้เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการเงินใน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs ไทยชนะ” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยมีวงเงิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเพื่อธุรกิจทุกประเภท ค้ำประกันสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาค้ำประกันสุดสุด 10 ปี จุดเด่นของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs ไทยชนะ” คือ สามารถปรับได้ตามค่าความเสี่ยงและลักษณะเฉพาะของแต่ละกลุ่ม SMEs โดย บสย. คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 45,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้กว่า 12,000 ราย และอุ้มการจ้างงานเพิ่มอีก 420,000 ตำแหน่ง"