"การเคหะฯ" เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบจากโควิด-19 เดินหน้าลงทุนสร้างโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” ตามแผน 5 ปี จำนวน 100,000 หน่วย หรือจัดสร้างปีละ 20,000 หน่วย เริ่มปี 64 หวังดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ และประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะ ได้มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดการสัมมนา ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากประชาชนที่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติประสบปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายคนไม่สามารถจ่ายค่าเช่า เช่าซื้อ และค่าจัดประโยชน์ต่างๆ ให้แก่การเคหะแห่งชาติได้ โดยในเบื้องต้นการเคหะแห่งชาติได้ออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเป็นระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นมาตรการที่การเคหะแห่งชาติได้ช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระรายจ่ายให้แก่ประชาชนได้ในระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) จัดทำโครงการช่วยเหลือประชาชนทั้งเยียวยาและฟื้นฟูกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบและกลุ่มเปราะบางเป็นสำคัญ รมว.พม.จึงมอบนโยบายให้ นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ และคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ หาแนวทางช่วยเหลือประชาชน
ซึ่งการเคหะแห่งชาติมีแนวคิดจะจัดทำโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา”เป็นที่อยู่อาศัยประเภทเช่า จำนวน 100,000 หน่วย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี โดยจัดสร้างปีละ 20,000 หน่วย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2564-2569 เพื่อให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ และประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะได้มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย
“สำหรับรูปแบบการชำระค่าที่อยู่อาศัยจะเป็นรูปแบบของการเช่าเพื่อจะซื้อต่อได้ในอนาคต (Rent To Buy) ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้น ผู้อยู่อาศัยสามารถเปลี่ยนสัญญาจากเช่าเป็นเช่าซื้อได้ โดยเงินที่จ่ายค่าเช่าบางส่วนสามารถนำมาหักเป็นเงินดาวน์เพื่อตัดยอดในการซื้อบ้านต่อไปได้”
นายทวีพงษ์ กล่าวต่อไปว่า “บ้านเคหะสุขประชา” จะจัดสร้างเป็นบ้านเดี่ยว และมีการพัฒนาชุมชน โดยจะให้เสมือนนิคมสร้างตนเอง ส่วนพื้นที่ภายโครงการฯ นอกเหนือจากโซนที่พักอาศัยแล้ว จัดให้มีพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” อยู่ด้วยในทุกชุมชน โดยจะส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยประกอบอาชีพอิสระในชุมชน สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนตามภูมิสังคมของพื้นที่นั้นๆ เริ่มตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น พื้นที่ในเขตเมืองจัดทำเป็นตลาดชุมชน เพราะประชาชนที่อยู่ในเมืองมักจะประกอบอาชีพอยู่แล้ว ส่วนโครงการในพื้นที่ภูมิภาคจัดให้มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และกสิกรรม เป็นต้น เรียกว่าในหนึ่งชุมชนสามารถพัฒนาและหมุนเวียนเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ