xs
xsm
sm
md
lg

"เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดใน SET

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดใน SET โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เผยเตรียมใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ลงทุนโครงการใหม่ และคืนหนี้สิน

บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 เนื่องจากบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ NSL ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการใหม่ และจ่ายคืนหนี้สิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

NSL ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าเบเกอรีและอาหารรองท้อง ขนมขบเคี้ยวหรือ "Snack" และธุรกิจ Food Services โดยแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเบเกอรีและกลุ่มรองท้อง NSL รับผลิตและจำหน่ายให้ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เพื่อจำหน่ายในร้าน 7-11 และผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมขบเคี้ยวหรือ "Snack" เป็นกลุ่มที่มีการนำวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น พริก แป้งจากถั่ว มาเป็นวัตถุดิบหลัก แล้วนำมาผสมกับวัตถุดิบอื่น นำมาผ่านกระบวนการอบเพื่อฆ่าเชื้อและทำให้ขนมสุก ปรุงรสชาติด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ได้แก่ พายผีเสื้อภายใต้แบรนด์บัตเตอร์ฟิน พริกอบกรอบ ภายใต้แบรนด์ชิลลี่ พายแท่งอบกรอบแบรนด์ "ปังไท" ขนมอบกรอบ "เนเชอรัล ไบท์" สินค้าแบรนด์ของ NSL กลุ่มนี้ NSL วางขายทั่วไป ไม่จำกัดเพียงร้าน 7-11

ธุรกิจ Food Services คือ การแปรรูปเนื้อสัตว์ เช่น ขอดเกล็ด แล่เป็นชิ้น ตัดเป็นขนาดต่างๆ บรรจุใส่บรรจุภัณฑ์หลากหลายขนาด พร้อมนำไปประกอบอาหาร ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปูอัด ปลาแพงกาเซียสดอรี่ ปลาหิมะ ปลาทูน่า ปลาเทราต์ ปลาหมึกทาโกะ กุ้ง เนื้อปู ปูนิ่ม เนื้อวัวออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์/สหรัฐอเมริกา เนื้อแกะ หอยเชลล์ญี่ปุ่น หอยลาย สาหร่าย ถั่วแระญี่ปุ่น ผักแช่แข็งต่างๆ รวมถึงการนำเข้าและแปรรูปตัดแต่ง บริการบรรจุหีบห่อ และติดแบรนด์ของลูกค้า เช่น MyChoice ของ Tops นอกจากนี้ NSL ยังมีการนำเข้าสินค้ากลุ่มวัตถุดิบเบเกอรีและเบเกอรีแช่แข็งด้วย โดยสินค้ากลุ่ม Food Service มีทั้งจัดหาจากในประเทศไทยเองและนำเข้าจากหลากหลายประเทศ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ผู้ให้บริการด้านจัดเลี้ยง โรงเรียนนานาชาติ (Hotel, Restaurant and Catering : HoReCa) รวมถึงช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade : MT) ต่างๆ

ปัจจุบัน NSL มีสำนักงานใหญ่ที่ จ.นนทบุรี และโรงงานผลิตและคลังสินค้าอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง คือ จ.ชลบุรี 2 แห่ง และที่ จ.นนทบุรี 2 แห่ง

ผลดำเนินงานของ NSL งวด 6 เดือนปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 1,538.9 ล้านบาท หนี้สินรวม 948.6 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 590.2 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 1,421.4 ล้านบาท กำไรเบ็ดเสร็จรวมสำหรับปี 61.8 ล้านบาท

โครงการในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 อนุมัติแผนการขยายกำลังการผลิตโดยการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ในบริเวณพื้นที่โรงงานเดิม ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี โดยมีรายละเอียดโครงการดังนี้ เป็นการก่อสร้างอาคารโรงงาน 2 ชั้น พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มสายการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทในส่วนของอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (Ready Meal Frozen Food) เช่น ซุป อาหารทำจากเนื้อปลาปรุงรสแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น เช่น แกงต่างๆ กับข้าวต่างๆ เมื่อจะรับประทานก็นำไปอุ่นร้อน อาหารแห้งกึ่งพร้อมรับประทาน เช่น โจ๊กคัพ ซุป เมื่อรับประทานเติมน้ำร้อนลงไป มูลค่าเงินลงทุนที่คาดว่าจะใช้ประมาณ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นก่อสร้างอาคารประมาณ 240 ล้านบาท และลงทุนในเครื่องจักรประมาณ 110 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรโดยประมาณ 1 ปี (ในระยะแรกก่อนเริ่มการผลิต NSL วางแผนจะว่าจ้าง OEM ในการผลิต) ส่วนกำลังการผลิตรองรับรายได้สูงสุดประมาณ 1,200 ล้านบาท (ประมาณ 21 ตันต่อวัน)

รายได้จากการขายของ NSL คิดเป็น 99.9% ของรายได้รวม โดยหลักประกอบด้วยรายได้จากการขายกลุ่มเบเกอรีและรองท้อง มากกว่า 90% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ NSL ผลิตและขายให้แก่ 7-11 โดยรายได้ในกลุ่มนี้นั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560-6 เดือนแรกของปี 2563 เนื่องจากตลาดมีการเติบโตและ 7-11 มีการสั่งของเพิ่มตลอดตามเป้าหมายการเติบโตทุกปี นอกจากนี้ในปี 2562 NSL ได้ทำการเข้าซื้อกิจการ QFS เข้ามา ส่งผลให้มีหน่วยธุรกิจ Food Services เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้ในกลุ่มนี้คิดเป็นประมาณ 2-5% ของรายได้รวม และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับต้นทุนขายของ NSL นั้น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตามการเติบโตและการขยายธุรกิจของ NSL โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 11.0% 12.9% 14.9% และ 15.2% ในปี 60-62 และ 6M/63 ตามลำดับ โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิของ NSL อยู่ที่ 1.8% 2.5% 4.6% และ 4.5% ในปี 60-62 และ 6 เดือนแรกปี 2563 ตามลำดับ ซึ่งอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการขายที่เติบโตขึ้นเป็นหลัก

ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 NSL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และมีทุนที่ชำระแล้ว จำนวน 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 225 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน NSL จะมีทุนชำระแล้ว จำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 31 ก.ค.2563 คือ นายสมชาย อัศวปิยานนท์ ถือหุ้น 224,999,800 หุ้น คิดเป็น 99.99% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 74.99%

บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50.0% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น