ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ลงทุนเพิ่มใน Red Lobster ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่เดินหน้าธุรกิจ ด้านบอร์ดบริษัทเชื่อเหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ TU และผู้ถือหุ้นของ TU
นายธีรพงศ์ จันศิริ กรรมการบริษัท บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งว่า บริษัท Thai Union Investments North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาได้มาของหน่วยลงทุนสามัญ จำนวน 1,040,000 หน่วย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ13.68 ของหน่วยลงทุนสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดก่อนการปรับลดในบริษัท Red Lobster Master Holdings ผ่านบริษัท Thai Union Investments North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ก่อนการได้มาในครั้งนี้ TU มีหน่วยลงทุนสามัญทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านบริษัท TUINA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา 2,500,000 หน่วย (เทียบได้กับการเข้าลงทุน คิดเป็นสัดส่วนที่ปรับลดแล้วเท่ากับร้อยละ 25 ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) และ 2,400,000 หน่วย ลงทุนบุริมสิทธิที่แปลงสภาพได้ (เทียบได้กับการเข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนที่ปรับลดแลว้เท่ากับร้อยละ 24 ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) ของ RLMH ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster
ดังนั้น TU โดยคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้ TUINA ซื้อหน่วยลงทุนสามัญเพิ่มเติม 1,040,000 หน่วย (คิดเป็นร้อยละ 13.68 ของหน่วยลงทุนสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดก่อนการปรับลด) ใน RLMH จาก GGCOF RL Splitter, L.P. (Splitter) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ Golden Gate CapitalOpportunity Fund, L.P. (ธุรกรรม)
นอกจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์เพิ่มเติมแล้ว TUINA ยังได้ทำข้อตกลงและเงื่อนไขอื่นๆ กับกลุ่มนักลงทุนใหม่ใน RLMH ด้วย ทำให้การสัดส่วนการถือหุ้นจะไม่เกินกว่าร้อยละ 25 ของหน่วยลงทุนที่ปรับลดแล้วทั้งหมดโดย TUINA จะยังคงมีหน่วยลงทุนบุริมสิทธิ 2,400,000 หน่วย (เทียบได้กับการเข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนที่ปรับลดแล้วเท่ากับร้อยละ 24 ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) ของ RLMH
หลังจากการทำธุรกรรมนี้ TUINA จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญที่สุด ของ RLMH และด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ TU คาดว่าจะร่วมผลักดันและส่งเสริมแผนธุรกิจของ RLMH รวมถึงเพิ่มความร่วมมือกับ TU ในฐานะผู้ผลิตและการเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารทะเลในสหรัฐอเมริกา และช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโตและการพัฒนาต่อไป ขณะที่คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าการลงทุนดังกล่าวข้างต้นเป็นการเข้าทำรายการที่มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ TU และผู้ถือหุ้นของ TU