CPN คาดรายได้-กำไร H2/63 ฟื้นตัวจาก H1/63 พร้อมทบทวนแผนลงทุน 5 ปีรักษาสภาพคล่อง ส่วนการพัฒนาโครงการใหม่ที่มีการประกาศออกไปแล้ว เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ศรีราชา เซ็นทรัล อยุธยา ที่จะเปิดให้บริการได้ในปี 64 เซ็นทรัล จันทบุรี จะเปิดให้บริการในปี 65 และโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค ที่จะเปิดให้บริการในปี 66-67 โครงการเหล่านี้ยังคงเดินหน้าต่อไปและสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผน
นายภนพินิต อุปถัมภ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานนักลงทุนสัมพันธ์ฝ่ายบริหารการเงิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดรายได้และความสามารถในการทำกำไรในครึ่งปีหลังนี้จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.72 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 5.05 พันล้านบาท หลังกลับมาเปิดให้บริการศูนย์การค้าแล้วในช่วงกลางเดือน พ.ค.63 จากที่ปิดให้บริการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการของภาครัฐ โดยปัจจุบันจำนวนผู้ใช้บริการ (Traffic) ฟื้นตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับปกติแล้วที่ 85% จากเดิมในช่วงต้นปี (ม.ค.-ก.พ.63) ก่อนปิดให้บริการชั่วคราวมีจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ย 85-95% และยอดขายของร้านค้าก็ฟื้นตัวตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทยังมีการทบทวนแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี (63-67) เพื่อลดหรือชะลอเงินลงทุนของปี 63 เพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่ต้องรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง โดยได้ปรับลดงบลงทุนเหลือ 11,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 50% จากเดิมที่ตั้งไว้ 22,300 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวจะใช้พัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้ในการลงทุนโครงการต่อเนื่องและปรับปรุงโครงการเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการใหม่ที่มีการประกาศออกไปแล้ว เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ศรีราชา เซ็นทรัล อยุธยา ที่จะเปิดให้บริการได้ในปี 64 เซ็นทรัล จันทบุรี จะเปิดให้บริการในปี 65 และโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค ที่จะเปิดให้บริการในปี 66-67 โครงการเหล่านี้ยังคงเดินหน้าต่อไปและสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผน รวมถึงยังเดินหน้าศึกษาการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใหม่ๆ เพื่อขยายศูนย์การค้าและเพิ่มพื้นที่เช่าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตต่อไป
"เราได้ผ่านจุดวิกฤตสูงสุดไปแล้วในครึ่งปีแรก ที่เรามีการรับรู้รายได้ที่ลดลง แต่ในเรื่องของมาร์จิ้น เรายังรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ไว้ โดยครึ่งปีหลังก็น่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น"
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดำเนินงานภายใต้ บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) ที่ CPN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทฯ คาดว่ารายได้รวมในปี 63 จะอยู่ที่ 1.8-2 พันล้านบาท ลดลงประมาณ 30-35% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,704.04 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก GLAND มีรายได้รวมแล้วที่ 864.43 ล้านบาท ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย GLAND มีรายได้จาก 3 ส่วน ได้แก่ รายได้จากค่าเช่าอาคารสำนักงาน ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้รับผลกระทบน้อยมาก ขณะเดียวกัน GLAND ยังมีรายได้จากศูนย์การค้าภายในอาคารสำนักงาน และมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการแนวราบ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจากจำนวนที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในครึ่งปีแรกรวมกับดีมานด์ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมในครึ่งปีหลัง ก็น่าจะทำให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ได้
ด้าน น.ส.ปัทมิกา พงศ์สูรย์มาส รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด (CPNREIT) กล่าวว่า สำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNREIT) จากการที่บริษัทงดจ่ายปันผลในช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องจากผลตอบแทนยังต่ำกว่า 0.10 บาท/หุ้น จึงเลื่อนพิจารณาการจ่ายผลตอบแทนไปรวมกับผลประกอบการไตรมาส 3/63 แทน
ส่วนแผนการเพิ่มทุน จากเดิมที่มีการประกาศเลื่อนมาตั้งแต่ไตรมาส 1/63 ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงในส่วนของข้อมูลไฟลิ่ง คาดว่าเร็วที่สุดจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้หากตลาดเอื้ออำนวย และอย่างช้าคาดจะแล้วเสร็จ ก.พ.64
อีกทั้งในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงสินทรัพย์ในกองได้แก่ โรงแรม Hilton Pattaya ซึ่งเริ่มตั้งแต่ เม.ย.63 คาดแล้วเสร็จ ต.ค. 63 ใช้เงินลงทุนประมาณ 320 ล้านบาท จากวงเงินกู้ยืมธนาคาร และห้างสรรพสินค้า Central Plaza Rama 2 เริ่มปรับปรุง ก.ค.63 แล้วเสร็จ ต.ค.64 งบลงทุน 1.1 พันล้านบาท วงเงินกู้ยืมจากธนาคารเช่นกัน