หุ้นไทยปิดพุ่ง 17.85 จุด ขานรับสหรัฐฯ ใช้พลาสมารักษาผู้ป่วยโควิด-น้ำมันฟิวเจอร์สขึ้น สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดตลาดยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้อีก โดยให้ติดตามทิศทางเงินบาท อย่างไรก็ดี ตลาดจะมี upside จำกัดจากปัจจัยการเมืองในประเทศ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นแรงเฉลี่ย +2% และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็บวกเร่งตัวขึ้นถึงกว่า 200 จุดในช่วงบ่ายนี้ น่าจะรับผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่คาดหวังจะดีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ จะใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทำให้กระตุก Sentiment ตลาดฯ เพิ่มขึ้น และในช่วงปลายสัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล วันที่ 27-28 ส.ค.นี้ ซึ่งให้จับตาดูประธานเฟดจะส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง
นอกจากนี้ บ่ายนี้ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์ส ก็ขยับขึ้นมาจากประเด็นพายุเฮอริเคน ทำให้เป็นแรงหนุนหุ้นในลุ่มพลังงานให้ขยับขึ้นได้ รวมไปถึงดัชนี SET สามารถยืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ทำให้ Sentiment ดีขึ้นด้วย
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,317.11 จุด เพิ่มขึ้น 17.85 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.37% มูลค่าการซื้อขาย 57,078.23 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯ ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้อีก โดยมีแนวรับ 1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330 จุด โดยให้ติดตามทิศทางเงินบาท ซึ่งปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าก็จะเป็นแรงหนุนให้แก่หุ้นในกลุ่มส่งออก และอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี ตลาดฯ จะมี upside จำกัดจากปัจจัยการเมืองในประเทศ