เอเวอร์แลนด์กำไรงวดนี้ 115.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อานิสงส์รับรู้ยอดโอนโครงการแนวสูงและแนวราบสะสมเพิ่ม รับรู้รายได้จากการขายที่ดิน จ.เชียงใหม่ มูลค่า 520 ล้านบาท
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 มีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 237% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรเบ็ดเสร็จ 34.30 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 720 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการแนวสูง เดอะโพลิแทน รีฟ สนามบินน้ำ ทยอยโอนเข้ามาเพิ่มจากที่มีการโอนมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” มียอดโอนต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการขายที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 520 ล้านบาท
“เราพอใจกับผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 ที่ออกมา สามารถเติบโตได้ดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ แม้จะทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป มีผลให้การโอนโครงการเป็นไปได้ยากขึ้นก็จริง แต่ในโครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” ทั้ง 3 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม อเวนิว” "ซิลเวอร์เลค พาร์ค” เฟส 2 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ซึ่งได้มีการเปิดขายรอบ VIP ที่ผ่านมากลับมีผลตอบรับดีมาก”
ประธานกรรมการกล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเดินหน้าตามแผน และประเมินว่ากำลังซื้อน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ดังนั้นบริษัทจะเดินหน้าเปิดโครงการแนวราบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮมซิลเวอร์เลค-ซิลเวอร์เลค พาร์ค” และทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” ซึ่งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะเตรียมเปิดขายโครงการ “ซิลเวอร์เลค พาร์ค” เฟส 2 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท รวมทั้งในโครงการ สุขสวัสดิ์ 30-พุทธบูชา เฟส 2 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนรายได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินไว้รองรับโครงการแนวราบที่ต้องการขยายเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรในอนาคตให้มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการประคับประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้ไปให้ได้ ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับปัญหาที่ใหญ่กว่าในอนาคต และบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงหรือโอกาสของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าในปีนี้ผลประกอบการยังมีแนวโน้มที่ดี
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ปีนี้ไว้ที่ระดับ 5,000 ล้านบาทน่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการทำ Social online และการทำ Re-Marketing เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า ในส่วนการบริการด้านการขายนั้น มีการดำเนินการจัดทำเป็น Conference Call กับลูกค้า เพื่อดูวิวทิวทัศน์ผ่าน Video call และยังมีภาพวิดีโอการขายแบบและชำระเงินผ่าน E-payment ได้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทาง