หุ้นปิดเช้าพลิกมาลบ 1.58 จุด ตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สหลังกังวลโควิดในสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดมี upside จำกัดเนื่องจากอีกไม่นานก็จะมีการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/63 ของกลุ่มแบงก์ ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และหุ้นที่คาดว่าจะมีงบฯ ออกมาดีก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทำให้เด่นขึ้นมาได้บ้าง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่เช้านี้ร่วงไปกว่า 100 จุด จากความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีคาดการณ์ว่าจำนวนจะสูงถึง 1 แสนคนต่อวัน เป็นปัจจัยหลักกดดันตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าเคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ออกมาดี ขณะนี้ตลาดเอเชียก็เริ่มกลับมาอ่อนตัว
ส่วนตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานได้บ้าง จากคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบของทางการสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้จะออกมาลดลง อย่างไรก็ดี ตลาดฯ คงจะมี upside จำกัดเนื่องจากอีกไม่นานก็จะมีการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/63 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งนักลงทุนต่างรอดูงบฯ กลุ่มแบงก์ทำให้เห็นวอลุ่มเทรดตลาดโดยรวมบางไป ซึ่งถ้างบฯ ออกมาดีนักลงทุนก็จะกลับเข้าไปลงทุนใหม่ ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และหุ้นที่คาดว่าจะมีงบฯ ออกมาดีก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทำให้เด่นขึ้นมาได้บ้าง
พร้อมให้ติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้เริ่มการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วาระแรก คาดว่าจะใช้เวลา 3 วัน โดยให้จับตาที่ผลโหวตเพราะจะเป็นการแสดงเสถียรภาพของรัฐบาล
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,337.45 จุด ลดลง 1.58 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.12% มูลค่าการซื้อขายราว 26,622.02 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพลกล่าวว่า ตลาดฯ คงจะทรงตัว โดยมีแนวรับ 1,325-1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350 จุด