บล.โกลเบล็กประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนยังคงเทน้ำหนักไปในประเด็นมาตรการต่างๆ ของแบงก์ชาติทำให้กดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และจับตาการประชุม กนง.ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เพื่อหารือถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,335-1,380 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นเป้าหมายกองทุน SSFX ชู AOT-CPALL-PTT-ADVANC เด่น
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจาก ธปท.ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง ประกอบกับความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ในสหรัฐฯ และจีน หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,335-1,380 จุด
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการประชุมของคณะกรรมการ กนง.ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% เพื่อประเมินผลตอบรับจากมาตรการต่างๆ ที่ได้ออกมาในช่วงก่อนนี้ รวมทั้งทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการแถลงเกี่ยวกับตัวเลขการส่งออก-นำเข้า และ IMF จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงอีกจากที่ก่อนหน้านี้คาดหดตัว 3% ส่วนสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือน เม.ย. และสต๊อกน้ำมัน อีกทั้งวันที่ 25 มิ.ย. ทางสหรัฐฯ จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งประธานเฟดสาขาบอสตันคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐฯ จะยังคงสูงกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามในการควบคุมไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2563 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน พ.ค. และปลายสัปดาห์มาลุ้นว่าจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่
“สถานการณ์เชิงบวก อาทิ ไทยมีความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 การทดสอบฉีดวัคซีนในสัตว์เข็มแรกได้ผลที่น่าพอใจ ฉีดเข็มที่สองในวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา และแผนฉีดเข็มที่ 3 ในเดือน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามแผนคาดจะทดสอบในมนุษย์ได้ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ ซึ่งไทยยังเป็นประเทศกลุ่มแรกร่วมกับประเทศในทวีปแอฟริกาที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 จากจีนหลังจากจีนส่งออกวัคซีนได้แล้ว ซึ่งคาดประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยไม่พบต่อเนื่อง 28 วันแล้ว คาดจะมีการทยอยปลดล็อกในระยะต่อไปเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ รวมทั้งมีโอกาสที่จะเห็นการทำ Window Dressing สิ้นงวดไตรมาสที่ 2/63 ในขณะนี้ล้วนแต่รอผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ”
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ประเมินกลยุทธ์หุ้นรายตัวที่น่าจับตา โดยนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน SSFX เช่น AOT, CPALL, PTT และ ADVANC รวมทั้งหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 มีผลในช่วงครึ่งหลังของปี 63 เช่น BPP และ TTW
ส่วนราคาทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กประเมินสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำจะ Sideway up ตามปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก เนื่องจากมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย โดยปลายสัปดาห์จะมีการประกาศ GDP และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ จะทำให้ทองคำผันผวนมากขึ้น ผู้ที่รอซื้อให้ซื้อที่แนวรับ 1,700-1,715 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 24,930-25,170 บาทต่อบาททองคำ และมีจุดขายทำกำไรที่ 1,735-1,750 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 25,490-25,720 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ผู้ที่มีสถานะอยู่แล้วให้รอขายที่แนวต้านที่ให้ไว้