ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เป็นมาตรการที่คล้ายกับหน่วยงานกำกับดูแล (regulator) ในต่างประเทศเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของโคโรนาไวรัส และเป็นการช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินกองทุนให้แก่ธนาคารไทย
หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินทั่วโลกได้ใช้มาตรการเชิงรุกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อรับมือต่อการระบาดของไวรัส โดยมีการประกาศใช้มาตรการการจำกัดการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ในลักษณะที่คล้ายกันในออสเตรเลีย ประเทศในกลุ่มยูโรโซน อินเดีย เวียดนาม และสหราชอาณาจักร สำหรับประเทศไทย ธปท.ได้ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์งดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและงดการซื้อหุ้นคืน และให้ธนาคารพาณิชย์เตรียมแผนการบริหารจัดการเงินกองทุนสำหรับในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า
มาตรการดังกล่าวนั้นสอดคล้องต่อนโยบายโดยรวมของ ธปท. ซึ่งจะช่วยรักษาความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและกระตุ้นกิจกรรมทางธุรกิจ มาตรการดังกล่าวยังจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์รักษาเงินกองทุน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำเป็นในการสนับสนุนการขยายสินเชื่อและรองรับหนี้เสียในช่วงที่เศรษฐกิจต้องเผชิญต่อหลายปัจจัยเสี่ยง
อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ ของภาคธนาคารพาณิชย์ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 15.8% ณ เดือนเมษายน 2563 ฟิทช์มองว่าเงินกองทุนเป็นจุดแข็งสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนใหญ่ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ ซึ่งสะท้อนได้จากระดับการประเมินความแข็งแกร่งด้านฐานะเงินกองทุนของธนาคารส่วนใหญ่ ที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร หรือ Viability Rating
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับการประเมินด้านสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของภาคการธนาคารพาณิชย์ไทยเป็น ‘bbb’ จากเดิม ‘bbb+’ เมื่อเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากฟิทช์คาดว่า สภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพสินทรัพย์และผลกำไรของธนาคารในอีก 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ยังคงคาดว่าเงินกองทุนของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9