สศค. เตรียมเสนอบอร์ดเยียวยา พิจารณาตัวเลขผู้ผ่านเกณฑ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาท จากกลุ่มผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จทั้ง 1.7 ล้านราย ในวันที่ 4 มิ.ย. นี้ พร้อมยังจะเสนอแนวทางเยียวยาให้แก่กลุ่มกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการที่ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการใดๆ อีก 2.4 ล้านรายด้วย
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเยียวยา 5,000 บาท ตามโครงการเราไม่ทิ้งกันสำหรับกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จทั้ง 1.7 ล้านรายว่า สศค. จะเสนอจำนวนตัวเลขของผู้ที่ได้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือนนั้นมีจำนวนเท่าใดต่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาเยียวยาผู้ที่ได้รับผกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในวันที่ 4 มิ.ย. นี้
นอกจากนี้ สศค. ยังจะเสนอแนวทางการเยียวยากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการที่ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการใดๆ อีก 2.4 ล้านรายให้ที่ประชุมพิจารณาด้วย โดยการให้ความช่วยเหลือประชาชนในทั้ง 2 กลุ่มนี้จะต้องเป็นไปตามหลักการคือไม่ซ้ำซ้อนกับความช่วยเหลือเยียวยาในกลุ่มเกษตรกร กลุ่มแรงงานในระบบประกันสังคม และกลุ่มข้าราชการ
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยา 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.) ในกลุ่มที่เปราะบางทางสังคม จำนวน 13 ล้านรายนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความซ้ำซ้อนเรื่องการได้รับเงินเยียวยาในกลุ่มอื่นๆ โดยผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือในกลุ่มนี้จะต้องไม่เป็นข้าราชการบำนาญ ไม่ใช่แรงงานที่อยู่ระบบประกันสังคม ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้จัดเตรียมเงินเยียวยาไว้ให้แล้ว โดยในเดือน มิ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะโอนเงินให้รวมทั้งสิ้น 2 งวด คือของเดือน พ.ค. และของเดือน มิ.ย. แต่จะจ่ายให้อีกครั้งในเดือน ก.ค. ส่วนกรณีกลุ่มผู้สูงอายุที่เคยได้รับเงินเยียวผู้มีอาชีพอิสระ จำนวน 5,000 บาท หรือเงินเยียวยา 5,000 บาทสำหรับกลุ่มเกษตรกรไปแล้ว จะไม่เข้าข่ายได้รับเงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อีก
นอกจากนี้ นายลวรณ ยังกล่าวว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือน แต่ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาลนั้น จะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ต้องจะรับการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลด้วย เนื่องจากการได้รับเบี้ยยังชีพรายเดือนถือเป็นสิทธิปกติที่ผู้สูงอายุจะต้องได้รับอยู่แล้ว และสิทธิดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวกับสิทธิที่จะได้รับเงินเยียวยาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย
