xs
xsm
sm
md
lg

วีซ่าแนะเอสเอ็มอีใช้บัตรเครดิตองค์กร สะดวก-ลดต้นทุน-เพิ่มกระแสเงินสด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตในการชำระค่าสินค้าและบริการของคนไทยจะสูงขึ้น แต่สำหรับองค์กรและผู้ประกอบกิจการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เพิ่งเริ่มก้าวย่างเข้าสู่สังคมไร้เงินสด มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ยังคงทำธุรกรรมผ่านเช็คและเงินสด โดยอาจมีเหตุผลมาจากการที่ยังไม่เข้าถึงข้อมูล และการรับรู้ถึงผลประโยชน์มากมายที่มาพร้อมกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเพื่อธุรกิจ โดยสาเหตุที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและองค์กรต่างๆ มักนิยมใช้เช็คในการชำระเงิน เพราะมองว่าวิธีการนี้ สามารถช่วยยืดระยะเวลาในการชำระเงินให้แก่ซัปพลายเออร์ ซึ่งจะเสริมสภาพคล่องให้แก่กระแสเงินสดของบริษัทได้

ขณะที่เจ้าของธุรกิจบางรายนิยมเลือกใช้บัตรส่วนตัวเพื่อชำระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ เพราะพวกเขายังอยากได้รับผลประโยชน์จากการรับคะแนนสะสมจากการใช้บัตรอยู่ หรือบางรายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวเลือกบัตรเครดิตองค์กรให้ใช้ด้วย และอีกจำนวนมากอาจไม่ได้รับการเสนอผลิตภัณฑ์นี้จากธนาคารที่บริษัทใช้บริการอยู่

นายสุริพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจว่าเมื่อธุรกิจมีการเติบโต วงเงินสินเชื่อจากบัตรเครดิตส่วนบุคคลของเจ้าของกิจการ อาจจะไม่เหมาะสมต่อความต้องการที่แท้จริงในการดำเนินการของธุรกิจนั้นๆ ก็เป็นได้ และในความเป็นจริงแล้ว การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตองค์กรนั้นช่วยให้กระแสเงินสดมีความคล่องตัวได้ยิ่งกว่า เพราะผู้ประกอบการสามารถ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ได้ตามกำหนดเวลาปลอดดอกเบี้ยที่ผู้ให้บริการบัตรต่างๆ เสนอให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งในบางกรณีนั้นนานถึง 55 วันเลยทีเดียว

สำหรับวีซ่า เราสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบธุรกิจในทุกๆ ที่ ซึ่งการใช้โซลูชันดังกล่าวถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการย้ายขั้นตอนการชำระเงินมาทางดิจิทัล เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ดำเนินการด้วยประสิทธิภาพสูงสุด หรือแม้แต่เพิ่มผลประโยชน์ด้านการดูแลสุขภาพให้แก่พนักงานของบริษัทนั้นๆ อีกด้วย โดยวีซ่าได้จับมือกับผู้ให้บริการต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อมอบส่วนลดให้กับผู้ถือบัตรวีซ่าเพื่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Grab, Lalamove, Seekster, Skootar, Fastwork, Servcorp, โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลพญาไท เป็นต้น

นอกจากนี้ วีซ่าจึงได้มีการสนับสนุนการขยายการยอมรับของการใช้บัตรเพื่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรต่างๆ ที่เรียกว่า ผู้ให้บริการโซลูชันการชำระเพื่อธุรกิจ (Business Payment Solution Providers: BPSP) เพื่อขยายการรับบัตรในกลุ่มซัปพลายเออร์ B2B ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิตองค์กร

ส่วนความกังวลในกรณีพนักงานนำบัตรชำระเงินเพื่อธุรกิจไปใช้อย่างไม่ถูกต้องนั้น และทิ้งปัญหาไว้ให้เจ้าของกิจการรับผิดชอบนั้น วีซ่าสามารถร่วมมือกับผู้ออกบัตรชำระเงินเพื่อธุรกิจเพื่อผนวกเอาฟีเจอร์ควบคุมการทำธุรกรรมมาใช้ในการจัดการว่าบัตรชำระเงินเพื่อธุรกิจจะถูกนำมาใช้ได้อย่างไร เมื่อใด และที่ไหน ซึ่งสามารถออกแบบเพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการของบริษัทและนโยบาย อีกทั้งยังสามารถดึงข้อมูลมาเพื่อสร้างรายงานการใช้จ่าย เพื่อให้เจ้าของกิจการหรือเอสเอ็มอีได้ติดตามและสร้างความมั่นใจว่าบัตรชำระเงินเพื่อธุรกิจจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด สิ่งนี้จะช่วยให้เจ้าของกิจการเอสเอ็มอีคลายความกังวล และพุ่งเป้าไปที่การขยายธุรกิจ

นายสุริพงษ์ กล่าวอีกว่า เจ้าของกิจการและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังจะเป็นอีกกลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์จากดิจิทัลเทคโนโลยี ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรต้องเริ่มเปิดรับการชำระแบบดิจิทัลที่จะช่วยให้พวกเขาได้ตระหนักถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง โดยหนึ่งในคำตอบสำหรับสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคตอาจเป็นบัตรใบเล็กๆ ในกระเป๋าสตางค์นั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น