หุ้นไทยปิดร่วง 23.03 จุด หลุดแนว 1,300 ตลาดค่อนข้างแพงแล้ว เจอ Sentiment กดดันจากกังวลสงครามการค้า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันที่ 7 พ.ค. คาดตลาดยังมีทิศทางแกว่งไซด์เวย์ โดยน่าจะยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะบวกเฉลี่ย 0.8% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวขึ้นราว 1% ตามตลาดสหรัฐฯ ที่ปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น
ส่วนตลาดบ้านเราปัจจุบันถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อคิด P/E ปีนี้เทรดอยู่ที่ 17.6 เท่า อีกทั้งยังได้ Sentiment อื่นกดดันอีก จากความกังวลสงครามการค้าที่จะกลับมาอีกรอบ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่เพื่อตอบโต้จีนที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดย่อตัวลง ขณะที่ตลาดอื่นได้ปรับตัวลงไปแล้วในช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการอยู่
อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ยังได้หุ้นในกลุ่มพลังงานมาช่วยค้ำตลาดอยู่ หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาจำนวนมากในช่วงสัปดาห์นี้ และให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศด้วย โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของทางฝั่งยุโรปที่จะทยอยออกมาในวันพรุ่งนี้, วันที่ 8 พ.ค.จะมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และในวันที่ 7 พ.ค.จะมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่จะต้องติดตามด้วย
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,278.63 จุด ลดลง 23.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.77% มูลค่าการซื้อขาย 51,384.94 ล้านบาท
พรุ่งนี้ (6 พ.ค.) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันวิสาขบูชา
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันที่ 7 พ.ค.นี้ นายวิจิตรกล่าวว่า ตลาดฯ ยังมีทิศทางแกว่งไซด์เวย์ โดยน่าจะยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน พร้อมให้แนวรับ 1,265 จุด ส่วนแนวต้าน 1,300 จุด