หุ้นกังวลตัวเลขเศรษฐกิจ-บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ไม่ดี วิตกงบฯ บจ.ไทยแย่

โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามต่างประเทศ หลังตัวเลขเศรษฐกิจ-บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ไม่ดี วิตกงบฯ บจ.ไทยแย่

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามดาวโจนส์ที่ปรับลงไปค่อนข้างแรง หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี ทั้งยอดค้าปลีก และตัวเลขการผลิตต่างๆ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ก็ต่ำสุดในรอบ 8 ปีด้วย แสดงให้เห็นถึงคนกลัวความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยังสูงอยู่

รวมทั้งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 ของบริษัทในสหรัฐฯ ก็ออกมาไม่ดีด้วย สะท้อนไปถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันจากความกังวลผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 จะไม่ดี

นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ยังได้เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 19.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรายงานตัวเลขดังกล่าว ทำให้ไปกดดันราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง และ Demand น้ำมันก็ปรับลงต่อเนื่องในช่วงที่มีการปิดประเทศ

ส่วนบ้านเราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ตลาดฯ ฟื้นตัวไป 30% หรือปรับขึ้นไปประมาณ 300 จุดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีการขายทำกำไรบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะทยอยออกมา โดยเริ่มที่กลุ่มแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะประกาศงบการเงินไตรมาส 1/63 ออกมาไม่ดี

อย่างไรก็ดี มีประเด็นสำคัญในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาระบุว่าในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย.นี้อาจจะพิจารณาผ่อนปรนให้เปิดบางธุรกิจได้ ซึ่งก็เป็นความหวัง แต่ถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่ดีขึ้นก็อาจมีมาตรการเข้มข้นขึ้นอีก ซึ่งก็ต้องระวัง

สำหรับวันนี้ให้ติดตามคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราค่าบริการทั้งในระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน รวมทั้งระยะเวลาเยียวยาในช่วงที่ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้อาจจะกดดันกลุ่มสื่อสารได้

พร้อมให้แนวรับ 1,220-1,200 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250-1,262 จุด