“ไต้ จง อี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี โชว์วิสัยทัศน์พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจหลักทรัพย์เต็มสูบ วางเป้าอนาคตขยับจากโบรกเกอร์ขนาดเล็กขึ้นเป็นโบรกเกอร์ขนาดกลาง พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้นโดยใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ชี้เรื่อง Brokerage ยังเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เหตุหากสามารถหาจุดสมดุลได้ในเรื่องมาร์เกตติ้งและผลตอบแทน ควบคู่กับตลาดทุนพลิกฟื้น พร้อมมองหาธุรกิจใหม่ ลุยปล่อยมาร์จิ้นเสริมรายได้ให้บริษัทฯ ธุรกิจไหนขาดทุนพร้อมตัดทิ้ง
นายไต้ จง อี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC) เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทฯ ว่า หลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาโครงสร้างธุรกิจของ AEC พบว่ายังมีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจได้อีกหลากหลายช่องทาง แม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์จะมีความรุนแรงก็ตาม โดยเฉพาะในเรื่องของการแย่งชิงบุคลากรฝ่ายการตลาด (มาร์เกตติ้ง) ซึ่งยอมรับว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับแทบทุกบริษัท และเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือลดลง
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ บล.เออีซีกว่า 60% มาจากธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ในปี 2562 ที่ผ่านมาลดลงเหลือเพียง 20% เท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจหลักทรัพย์ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทให้สามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับปัจจัยหลายด้านประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพการซื้อขายของตลาดทุนว่าคึกคักเพียงใด ประกอบกับการนำเทคโนโลยี AI หรือเทรดผ่านระบบออนไลน์เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานทั้งส่วนขององค์กรและลูกค้า รวมถึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานลงแต่ยังคงรักษาศักยภาพของการดำเนินธุรกิจได้ และที่สำคัญคือ หากเราสามารถรักษาความสมดุลในเรื่องของรายได้และผลตอบแทนระหว่างบริษัทฯ กับมาร์เก็ตติ้ง ก็จะสามารถแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ได้ในระยะยาว
“นอกจากธุรกิจ Brokerage ผมได้มองหาธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ซึ่งพบว่ายังมีโอกาสขยายไลน์เพื่อต่อยอดจากธุรกิจหลักทรัพย์ออกไปได้อีก g=jo การปล่อยมาร์จิ้น หรือเงินกู้รูปแบบต่างๆ เพื่อให้มีรายได้จากดอกเบี้ยรับหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบว่าจะเป็นอย่างไรที่สามารถดำเนินการได้บนความเหมาะสมและได้รับความยินยอมจากสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเราอยู่”
เขากล่าวต่อว่า ปัจจุบัน บล.เออีซีอยู่ในกลุ่ม บล.ขนาดเล็ก เป้าหมายในอนาคตต้องการยกระดับขึ้นเป็น "บริษัทหลักทรัพย์ขนาดกลาง" เพื่อให้มีมาร์เกตแชร์มากขึ้น ส่วนธุรกิจอื่นๆ ต้องพิจารณาว่าส่วนใดที่ไม่มีอนาคต ไม่สามารถสร้างรายได้ ก็จำเป็นที่จะต้องตัดทิ้งไป ส่วนที่สร้างรายได้ก็พร้อมส่งทีมงานเข้าไปเสริม แต่การดำเนินงานทั้งหมดไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของบริษัทฯ มาเป็นแรงสนับสนุน
“ผมมาที่นี่อยากแสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นว่า ทุกอย่างมีโอกาส และอยากให้ทุกคนมองเห็นโอกาสร่วมกัน อยากให้ทุกคนรู้ว่าถ้าบริษัทอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ เราต้องก้าวไปพร้อมๆ กัน” นายไต้ จง อี้ กล่าว