"ออริจิ้น" เดินหน้ากลยุทธ์ “Open Platform” จับมือพันธมิตรใหม่สัญชาติเกาหลี “จีเอส อีแอนด์ซี” ยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้างและอสังหาฯระดับโลกของเกาหลี ลุยพัฒนาคอนโด 2 แบรนด์ 2 โครงการ “ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 111” และ “ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4” รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้านบาท ด้านบิ๊กเกาหลีมั่นใจออริจิ้น เดินหน้าร่วมทุนไม่หวั่นโควิด-19 เล็งขยายการลงทุนระยะยาวในไทยรับการขยายตัวรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงมากสุดในภูมิภาค เผยพอร์ตโครงการร่วมทุนรวม 44,634 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (GS E&C)?บริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของเกาหลีใต้ ซึ่งมีผลงานด้านการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ GS E&C ถือหุ้นในสัดส่วน 49%
ทั้งนี้ GS E&C เป็นบริษัทในเครือ GS Group กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้นำในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ อาทิ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้าง สำหรับ GS E&C ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2512 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ในปี 2524 พัฒนาโครงการหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โรงงาน อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัยแบรนด์ Xi ซึ่งย่อมาจาก Extra Intelligent มีวิสัยทัศน์ในการสร้างขีดความสามารถการแข่งขันสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการก่อสร้างของโลก ปัจจุบัน มีสำนักงานสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ถึง 24 แห่งทั่วโลก ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร ENR นิตยสารชั้นนำด้านการก่อสร้างของสหรัฐให้เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับท็อปอันดับที่ 36 ของโลก
“การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของกลยุทธ์ Open Platform ที่เราเปิดกว้างรับพันธมิตรจากทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกมาร่วมปลั๊กอินกับเราในการสร้างสรรค์โครงการใหม่ๆ สร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าเพื่อผู้บริโภค เราเชื่อมั่นว่า เราและ GS E&C จะสามารถนำประสบการณ์และโนว์ฮาวที่ต่างฝ่ายต่างสั่งสมกันมาอย่างยาวนาน มาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในโครงการที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า การร่วมทุนในระยะแรกนี้ จะเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกัน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 111 (The Origin Ladprao 111) โครงการไฮไรส์ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีบางกะปิ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ และ 2.โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 (KnightsBridge Space Rama 4) มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาดระดับลักชัวรี่ ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มเปิดขายทั้ง 2 โครงการพร้อมกัน โดยจะมีข้อมูลโครงการแจ้งต่อผู้สนใจในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนายคิม แจ ชอล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (GS E&C) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้างของโลก ทำให้บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศเพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดยออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมั่นใจและกล้าตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
“แม้ขณะนี้ในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะยังต้องเผชิญกับ COVID-19 แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยความพร้อม ของบุคลากรและระบบสาธารณสุขไทย ตลอดจนความร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกคนในการแก้ไขปัญหา จะทำให้เรื่อง COVID-19 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว และขอเป็นหนึ่งในกำลังใจจากนักลงทุนต่างชาติให้คนไทยผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากในครั้งนี้” นายคิม กล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง การร่วมทุนกับออริจิ้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งในครั้งนี้ จะถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 73 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 114,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
อนึ่ง ในปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรม ทั้งพันธมิตรรายเดิมและรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1.บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จํากัด มีมูลค่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 28,534 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม มูลค่า 6,200 ล้านบาท
2.บริษัท เอสคอน เจแปน (ประเทศไทย) จํากัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท
3.บริษัท ดุสิตธานี จํากัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการ “เดอะ แฮมป์ตัน ศรีราชา บาย ออริจิ้นแอนด์ ดุสิต” มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
4.CI:Z Limited Liability Partnership จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโรงแรมระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
และ5.ล่าสุด ได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนา2โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 4,200 ล้านบาท โดยโครงการรวมทุนรวมของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม มีมูลค่า 35,434 ล้านบาท รวมทุนพัฒนาโรงแรม 9,200 ล้านบาท รวมโครงการร่วมทุน 44,634 ล้านบาท.