“ผอ.สศค.” แจง ผู้ลงทะเบียนขอนับเงินเยียวยาอาจไม่ได้รับเงินชดเชย 5,000 บาทุกราย เหตุ ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติจากคลังก่อน เผย มีความเป็นไปได้ที่ระยะเวลาในการโอนเงินเข้าบัญชีผู้เดือดร้อนอาจกินเวลาเกินกว่า 7 วันทำการ เหตุ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนสูงถึง 20 ล้านคนในปัจจุบัน และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยไป
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเผสรษฐกิจการคลัง (สศค.)สรุปภาพรวมความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการในการจ่ายเงินชดเชยเดือนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับแรงงาน ลูกจ้าง และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่อยู่นอกระบบประกันสังคมว่า ภาพรวมการลงทะเบียนตลวันแรกเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 63 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นมาจนถึงเมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 30 มี.ค. 63 มีผู้ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 19.8 ล้านราย
ทั้งนี้ กระบวนการลงทะเบียนอาจจะมีปัญหาขัดข้องเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ด้วยความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรและธนาคารกรุงไทย ทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงการคลังได้หยุดระบบเพียงแค่ 1 ช.ม. ก่อนที่จะกลับมาเปิดให้ลงทะเบียนได้ใหม่จนถึงปัจจุบันซึ่งยังไม่มีพบว่าปัญหาใดอีก
สำหรับสิ่งที่กระทรวงการคลังมีความจำเป็นต้องสื่อสารกับผู้ลงทะเบียนในวันนี้คือ แม้ผู้ที่สามารถลงทะเบียนในระบบและได้รับข้อความ SMS ยืนยันว่าการลงทะเบียนนั้นสมบูรณ์แล้วนั้น แต่ก็มิได้หมายความว่าจะได้รับเงินชดเชยเยียวยาเดือนละ 5,000 จากกระทรวงการคลังโดยทันที
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ที่เข้าลงทะเบียนของรับเงินเยียวยาฯ ยังต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ลงทะเบียนได้ระบุในการลงทะเบียน อีกทั้ง ยังต้องผ่านการคัดกรองคุณสมบัติที่ต้องตรงตามเงื่อนไขครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังได้กำหนดไว้ในมาตรการด้วยหรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีจำนวนผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาได้รับสิทธิ์เยียวยาจากกระทรวงการคลังจะเหลือเป็นเท่าใดจากจำนวนผู้ลงทะเบียนรวมทั้ง 19.8 ล้านคนก็ตาม กระทรวงการคลังยังยืนยันว่าจะจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติได้ครบทุกราย
ส่วนการใช้เวลาในการตรวจสอบคัดกรอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนจะเป็นเท่าใดนั้น ผู้อำนวยการ สศค. ย้ำว่า ในกรณีที่ข้อมูลของผู้ลงทะเบียนมีความถูกต้องครบถ้วน กระทรวงการคลังจะใช้เวลาตรวจสอบอย่างน้อยที่สุดคือ 7 วันทำการ ส่วนคุณสมบัติหลักๆ ของผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาตามมาตรการฯ ชุดที่ 2 ของกรกระทรวงการคลังนั้น จะต้องประกอบไปด้วย 1. ต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้างที่มีงานทำและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น ลูกจ้างที่ทำงานในร้านนวด รวมถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ที่ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือแท็กซี่ ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ
2.จะต้องเป็นแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ป็นแรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคมทั้งหมด และ 3. ผู้ลงทะเบียนต้องชี้ให้เห็นว่าตนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไร เช่น แรงงานที่ถูกให้ออกจากงานหรือถูกลดวันทำงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่เป็นตัวเงิน หรือสถานประกอบการที่ถูกปิดชั่วคราวตามคำสั่งของภาครัฐ
แต่สำหรับผู้ลงทะเบียนที่อาจจะมีคุณสมบัติที่ยังไม่ชัดเจน กระทรวงการคลังจะติดต่อกับผู้ลงทะเบียนเพื่อสอบถามหรือขอให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป
นายลวรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันมีความเป็นไปได้ว่า กระบวนการคัดกรอบอาจจะยาวไปกว่านี้ได้ เนื่องจากจำนวนของชุดข้อมูลการลงทะเบียนมีเข้ามาให้กระทรวงการคลังต้องทำการตรวจสอบจะมีมากถึง 20 ล้านชุดข้อมูล และจำนวนอาจจะเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งจะทำให้กระบวนการตรวจสอบคัดกรองคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก เพื่อทำให้กนะทรวงการคลังยืนยันได้ว่าผู้ที่ผ่านการคัดกรองคือผู้ที่สมควรได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยืนยันถึงการเปิดเว็บไซต์ฝห้ลงทะเบียนผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com ยังไม่ปิดให้บริการ แต่จะเปิดให้บริการต่อเนื่องตลอด 24 ช.ม. เพื่อทำให้แรงงานนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโควิด-19 มั่นใจว่า พวกตนยังสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ครบถ้วนทุกคน
