บล.ทรีนีตี้ ประเมินแนวโน้มแผนเร่งด่วนในการสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและการลงทุน หลัง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" นัดประชุมด่วนหน่วยงานภาคเศรษฐกิจหลายฝ่าย หารือมาตรการเร่งด่วนหวังเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 เฟส 3
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เผยมุมมองต่อวาระการประชุมเร่งด่วนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นัดประชุมเร่งด่วนกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคาร และ กลต. คาดการณ์ว่ามาตรการเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 เฟส 3 จะมุ่งเน้นไปยังการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับ Local Economy โดยมีรายละเอียดได้แก่
1.มุ่งเน้นการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มชุมชนท้องถิ่นต่างจังหวัด เพื่อสร้างการจ้างงานให้กับกลุ่มแรงงานที่ย้ายกลับฐิ่นฐาน
2.จะเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศหรือภูมิภาคใกล้เคียง เช่น AEC หรือ CLMV กันเองเป็นหลัก ไม่ได้มี Interaction ในระดับสูงเหมือนที่ผ่านๆมา
3.เพื่อเป็นการส่งเสริมกลุ่มฐานรากให้มีรายได้พอประคับประคองในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
4.อาจมีความเป็นไปได้ในการออก พ.ร.ก.เงินกู้ ส่วนวงเงินจะใช่ 2 แสนล้านบาทหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากความสามารถในการกู้ยืมของเราอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ดีหากมาตรการเยียวยาเฟส 3 ออกมาในรูปแบบนี้จริง จะเป็นการสอดรับกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท.ที่ออกมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้คาดการณ์ว่ามาตรการชุดนี้จะไม่ได้มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการ เนื่องจากเพิ่งมีการช่วยเหลือผ่านมาตรการสินเชื่อและมาตรการภาษีมาก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันหากเกิดขึ้นจริงและมีประสิทธิผล มองว่าจะทำให้เงินในกระเป๋าของกลุ่มฐานรากปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งน่าจะมี 2 ทางเลือกเดิมต่อไป ได้แก่ นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าจำเป็น และ /หรือ นำไปชำระคืนหนี้
ทั้งนี้ประเมินว่าภาคอุตสาหกรรมหุ้นกลุ่มที่มองว่าจะได้รับอานิสงส์บวก สำคัญบนธีม Local Economy ไปยัง 2 กลุ่มเดิมที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. ก่อนหน้านี้ ได้แก่ 1.กลุ่ม Consumer staple อาทิ CPALL, BJC, MAKRO และ 2.กลุ่ม Consumer Finance อาทิ MTC, SAWAD, AMANAH