บลจ.วีมองหุ้นไทยราคาปรับลงมาน่าสนใจเป็นจังหวะลงทุน พร้อมระบุภาพรวมเศรษฐกิจได้แรงหนุนจากการกระตุ้นของธนาคารหลายประเทศ และจากรัฐบาลไทย ขณะที่การระบาด COVID-19 ในจีนลดลงเศรษฐกิจจีนเริ่มกลับมาดำเนินได้เป็นผลบวกต่อไทย
นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งโลก แต่สถานการณ์ในประเทศจีนนั้นดีขึ้น ทำให้การดำเนินธุรกิจในประเทศจีนเริ่มกลับมา เห็นได้จากการเดินทางของคนและตัวเลขการใช้ถ่านหินที่สูงขึ้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาดำเนินได้ในระดับปกติช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกับจีนเช่นไทย
ขณะเดียวกัน การดำเนินมาตรการของธนาคารกลางหลายประเทศที่ใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย (QE) ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการอัดฉีดเงินเพิ่มสภาพคล่องแก่ระบบเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการผลิตให้ฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลบวกแก่ภาคการลงทุนและการบริโภค รวมไปถึงทำให้มีกระแสเงินลงทุนเพิ่มขึ้นในระบบเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งของไทยในระยะต่อไป ลดความเป็นไปได้ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ธนาคารกลางในหลายประเทศมีความสามารถในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างจำกัด แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไปจะดำเนินผ่านนโยบายทางการคลังเป็นหลัก
ส่วนของประเทศไทย นโยบายรับมือผลกระทบในระยะสั้นของรัฐบาลที่ดำเนินผ่านมาตรการทางการเงินด้วยการผ่อนผันภาระทางด้านการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ และลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อลดภาระในการจ่ายชำระหนี้ของผู้ประกอบการ รวมถึงใช้มาตรการทางภาษี ด้วยการเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการในประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถคงระดับอัตราการจ้างงานได้ ซึ่ง บลจ.วีคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นและบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ และสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงการบริโภคในประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างมากจนเริ่มมีระดับราคาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value) ของ SET Index อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.14 เท่า ในอดีต 10 ปีย้อนหลังพบว่าเมื่อ Price to Book Value ไปถึงระดับ 1.66 เท่า SET Index มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 20-40% ในช่วงระยะเวลา 1 ปีถัดไป
นอกจากนี้ ผลตอบแทนของตลาดหุ้นเมื่อเทียบพันธบัตรรัฐบาล (Earnings Yield Gap) อยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 4 ปี สะท้อนว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มการขยายตัวของผลประกอบการ
ดังนั้น ด้วยปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและระดับราคาหุ้นที่น่าสนใจ บลจ.วีมองว่าโอกาสสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จึงเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิด วี ไทย อิควิตี้ ชนิดไม่จ่ายปันผล (WE-THEQ-A) ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม-1 เมษายน 2563 เน้นลงทุนเชิงรุกในหุ้นไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในราคาที่เหมาะสม โดยพอร์ตการลงทุนหลักจะคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีลักษณะดังนี้ 1.) บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนที่สูง โดยเปรียบเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง 2.) บริษัทที่มีความเฉพาะตัวในด้านผลิตภัณฑ์และบริการในการสร้างมูลค่าเพิ่มและความสามารถในการแข่งขัน รวมไปถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัท และ 3.) เลือกบริษัทที่มีการปรับตัวและขยายธุรกิจสอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อลดความเสี่ยงจากการ Disruption Risk และเพิ่มโอกาสการเติบโต โดยในช่วงเริ่มต้นกองทุนจะทยอยลงทุนหุ้นในกลุ่ม SET50 Index เป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่นำทิศทางตลาด และมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงโดยเปรียบเทียบ