บมจ.คาราบาว กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตมากกว่า 25% ชูยอดขายต่างประเทศยังพุ่ง พร้อมวางงบลงทุน 1,500-2,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตอีก 50% แย้มมีโอกาสซื้อหุ้นคืน หากราคาดิ่งต่อเนื่อง ขณะที่ผุดแบรนด์ใหม่ "C+Lock" ตั้งเป้าขาย 1,500 ล้านบาท อัดงบการตลาดไม่ต่ำ 200 ล้านบาท ดันขึ้นเบอร์ 1 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ด้านโบรกเกอร์ มองมุมบวกเปิดสินค้าใหม่ เติบโตได้อีกทั้งตลาดใน-ตปท. คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้เป้าหมาย 123.00 บาท
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโตมากกว่า 25% จากปีก่อนที่ทำได้ 15,051.82 ล้านบาท แม้ยอดขายในประเทศจะชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาโรคระบาด แต่ยอดขายต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะกลุ่มประเทศที่ส่งออกได้รับผลกระทบน้อย อาทิ กัมพูชา, เวียดนาม และ เมียนมา โดยคาดว่ายอดขายต่างประเทศจะเติบโตมากกว่า 30% ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 70%
"คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 39% เนื่องจากบริษัทบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะไลน์กำลังการผลิตใหม่ รวมถึงขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นทำให้มีอำนาจการต่อรองสูง" นายเสถียร กล่าว
นอกจากนี้ เตรียมออกหุ้นกู้ปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการเงินลดลงต่ำกว่า 2% เพราะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ และตั้งงบลงทุน 1,500-2,000 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังผลิตเพิ่มอีก 50% ประกอบด้วย ขวดแก้ว, กระป๋อง, ขวด PET และแพคเกจจิ้ง โดยจะทยอยลงทุนในปี 63-64
นายเสถียร กล่าวว่า ขณะที่อยู่ระหว่างศึกษาแผนซื้อหุ้นคืน หากราคายังปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามภาวะตลาด แต่ต้องรอดูอีกสักระยะ เพราะมองว่าดัชนีฯ อาจจะผันผวนแค่ระยะสั้น ซึ่งหากสถานการณ์ความกังวล COVID-19 คลี่คลาย ราคาอาจจะปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับปกติ เนื่องจากหุ้น CBG มีพื้นฐานแข็งแกร่งรองรับ แต่หากยังปรับลดลงต่อเนื่องจนต่ำกว่าระดับเหมาะสม มีโอกาสที่จะใช้นโยาบายซื้อหุ้นคืน
ขณะที่วานนี้ (16 มี.ค.) มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "C+ Lock" ซึ่งร่วมทุนกับ "วู้ดดี้" วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังของไทย โดยบริษัทถือหุ้น 85% ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 1,500 ล้านบาท ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คาดใช้งบการตลาดมากกว่า 200 ล้านบาท โดยมองว่าผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีศักยภาพการเติบโตสูง มูลค่าการตลาดราว 5,000-6,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตมากกว่า 40-50% ต่อปี ที่สำคัญเป็นกลุ่มเครื่องดื่มที่มีมาร์จิ้นสูง และอยู่ระหว่างศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3-4 รายการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คาดจะได้สรุปภายในปีนี้ 1 รายการ
บล. เคทีบี เชื่อมีโอกาสโตได้ทั้งใน-ตปท. ยังแนะนำซื้อ
บทวิจัย จาก บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้ พิธีกรชื่อดัง ในฐานะ Partner กับ CBG ได้เปิดเผยผ่าน facebook “Woody” ถึงสินค้าตัวใหม่ที่ได้ร่วมกับทีมคาราบาวพัฒนา functional drink ภายใต้แบรนด์ “วิตามินซี Woody C+ Lock” ในราคา 15.00 บาท ซึ่ง Woody C+ Lock มีวิตามินซีถึง 120 มก. ต่อขวดเลยครับ และมีปริมาณน้ำตาลต่ำเพียง 6 กรัม โดยจะวางขายล๊อตแรกที่ CJ Supermarket ทั่วประเทศวันที่ 16 มีนาคมนี้ และ 7-Eleven ทั่วประเทศวันที่ 26 มีนาคม 2020 (ที่มา: Facebook “Woody”)
เคทีบีมีมุมมองเป็นบวกกับการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ของ CBG จากประเด็นข้างต้น เชื่อมั่นว่า Woody C+Lock จะสามารถเข้าชิงส่วนแบ่งตลาด functional drink ได้ โดยจุดเด่นของ Woody C+Lock เมื่อเทียบกับคู่แข่ง (Fig 4) คือ 1) บรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดแก้วสีเขียวกรองแสง UV ไม่ให้ทำลายคุณค่าของวิตามินซี พร้อมนวัตกรรมฝา C+Lock กันไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้าไปพร้อมทั้งล๊อคไนโตรเจนเพื่อกักเก็บวิตามินในขวด, 2) ราคาที่ต่ำกว่า โดยราคาอยู่ที่ 15.00 บาท และ 3) น้ำตาลต่ำที่ 6g/ ขวด ส่งผลให้ไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล
สำหรับภาษี functional drink จะอยู่ที่ 1.5 บาทต่อขวด (อิงภาษี functional drink 10% จากราคาขาย) เบื้องต้น เนื่องจากเป็นการเปิดตัวเป็นปีแรก เราประเมินยอดขายของ Woody C+Lock อยู่ที่ 300 ล้านบาท หรือ 2.5% ของรายได้ CBG และ Net profit อยู่ที่ 50 ล้านบาท หรือ 1.6% ของ Net profit ของ CBG เรามองว่ารายได้จาก Woody C+Lock ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากและจะเป็น growth driver สำคัญในอนาคต
ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวมรายได้จาก Woody C+Lock ในประมาณการ โดยตลาด Functional drink ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง โดยในปี 2019 Functional drink market ในไทยเติบโต +19.3% YoY เทียบกับเครื่องดื่มชูกำลังขยายตัวเพียง +5.7% YoY และตลาด Functional drink เดือน ม.ค. 2020 เติบโตสูงถึง +22.6% ปัจจุบัน ผู้นำตลาด functional drink และตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินซี คือ C-Vitt ของ OSP ซึ่งมี Market share เดือน ม.ค. 2020 ที่ 27.6% โดยในปี 2019 OSP มีรายได้จาก C-Vitt ประมาณ 2,000 ล้านบาท
แนะนำ “ซื้อ” CBG ที่ราคาเป้าหมาย 123.00 บาท
คงคำแนะนำ “ซื้อ” CBG ที่ราคาเป้าหมาย 123.00 บาท อิง PER38x ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ PER 18.3x (ต่ำกว่า -1SD Avg. PER25.3x) และต่ำกว่า peer กลุ่มเครื่องดื่ม เรายังมองว่า CBG ยังเติบโตได้อีกมากจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ