CHO ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.021 บาท โดยเป็นการจ่ายครั้งแรกรอบ 3 ปี พร้อมจ่ายเป็นเงินสดมูลค่ารวม 27.79 ล้านบาท ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ฟาก “สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจปี 63 ผลงานดีต่อเนื่อง จากงานในมือที่ตุนไว้แล้ว และเร่งขยายเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุก “สิบล้อ 24 ชม.” พร้อมเดินหน้าเข้ายื่นประมูลงานใหม่อีกเพียบ
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติเห็นชอบเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ขออนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.021 หรือคิดเป็นเงินประมาณ 27.79 ล้านบาท และคิดเป็นอัตราจ่ายเงินปันผล 51.65% ของกำไรสุทธิประจำปี (งบเฉพาะกิจการ) หลังหักขาดทุนสะสมยกมา และหักทุนสำรองตามกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายปันผลของบริษัทฯ
โดยกำหนดวันให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล กรณีที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี (Record date) ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563โดยให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 เมษายน 2563
ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น และพร้อมจะส่งคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2563 กลุ่มธุรกิจการประกอบรถบรรทุก ธุรกิจงานบริการซ่อมบำรุง และการบริหารโครงการ คาดว่าจะมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งมาจากรายได้ประจำที่เกิดจากการให้บริการซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV489 คัน ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาว 10 ปี และเป็นรายได้ที่เกิดประจำจากศูนย์ซ่อมบำรุงที่ครบวงจรของบริษัทฯ ขณะที่บริษัทมีแผนจะเข้ายื่นประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก
“ในปี 2563 จะเป็นปีที่บริษัทฯ จะมีทิศทางที่ดีขึ้นและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่แล้ว และเร่งขยายเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุก “สิบล้อ 24 ชม.” ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันยังมีส่วนของการรับรู้จากรายได้บริการซ่อมบำรุงรถเมล์ซึ่งเป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ และเป็นสัญญาระยะยาว ซึ่งจะทำให้รายได้สามารถเติบโตอย่างมั่นคง” นายสุรเดชกล่าวในที่สุด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานงวดปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 65.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.84 % จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 45.47 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,609.21 ล้านบาท ลดลง 29.67% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,288.22 ล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของจากโครงการประกอบรถโดยสารให้หน่วยงานภาครัฐ
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 339.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 58.39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการขยายศูนย์ซ่อมรถบรรทุก งานซ่อมบำรุงที่ได้รับจากภาคเอกชน กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงงานซ่อมตามสัญญาระยะยาวที่ได้รับกับหน่วยงานภาครัฐ ประกอบกับในปี 2562 บริษัทมีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้เพื่อขายอีกจำนวน 40.69 ล้านบาท ที่ส่งผลให้กำไรสำหรับปี 62 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ในส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 2.14 เท่าจากปีก่อนอยู่ที่ 2.55 เท่า เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น