เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ประกาศขยายโปรเจกต์พัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่ The Jas Village ถนนคู้บอน กรุงเทพฯ โดยได้รับสิทธิการเช่าที่ดิน 30 ปี เนื้อที่กว่า 21 ไร่ คาดเริ่มก่อสร้างในปี 2563 คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมกว่า 615 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของรายได้อย่างมั่นคง ขณะที่ The Jas Village อมตะ เตรียมเปิดตัวไตรมาส 2 ปีนี้ ตอบโจทย์ชุมชนในพื้นที่ รับกำลังซื้อจาก EEC คึกคัก ขณะที่ผลงานปี 2562 สุดปลื้ม รายได้รวม 928.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จของโครงการพัฒนาคอนโดมิเนียม นีเวร่า สามารถโอนส่งมอบห้องชุดเรียบร้อยแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง สะท้อนแผนการรับรู้รายได้และกำไรที่มีประสิทธิภาพ
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2562 ภาพรวมรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมาก ด้วยกลยุทธ์มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนให้ลดลง อีกทั้งการกระจายกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ให้มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการเติบโตของรายได้สำคัญในปี 2562 ที่ผ่านมา
เพื่อพร้อมรับโอกาสและสร้างฐานรายได้อย่างสม่ำเสมอ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ ถนนคู้บอน กรุงเทพฯ โดยมีสิทธิการเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี เนื้อที่ดินทั้งหมด 21 ไร่ 1 งาน 95.8 ตารางวา และจะเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่พัฒนาใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2563 โดยทำเลดังกล่าวมีศักยภาพ ใกล้กับแหล่งชุมชน ตอบสนองความต้องการของประชากรจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าวที่ต้องการความสะดวกสบายและความหลากหลายของร้านค้าและร้านอาหารมากขึ้น ซึ่งรูปแบบของศูนย์การค้าแห่งใหม่จะประกอบด้วยศูนย์การค้าชุมชน และโครงการพัฒนาอสังหาฯ ให้เช่าระยะยาว ที่จะสร้างจุดเด่นความน่าสนใจให้แก่ผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการคอมมูนิตีมอลล์แห่งใหม่ “The Jas Village อมตะ” ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเปิดตัวโครงการภายในไตรมาส 2/2563 นี้ ตอบโจทย์ชุมชนในพื้นที่ และพร้อมรับกำลังซื้อจาก EEC ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้ในปี 2563 บริษัทฯ มีโครงการภายใต้การบริหารรวม 4 โครงการ และโครงการที่กำลังจะก่อสร้าง 1 โครงการ สนับสนุนรายได้ค่าเช่าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ปีนี้เราใช้แบรนด์ The Jas Village ในการขยายและพัฒนาศูนย์การค้าที่สามารถตอบโจทย์แหล่งชุมชน ด้วยโมเดลที่เราชำนาญ ใช้งบลงทุนในการก่อสร้างน้อย เป็นศูนย์การค้าชั้นเดียวเพื่อเข้าถึงร้านค้าได้สะดวก พร้อมด้วยที่จอดรถจำนวนมาก การตกแต่งมีความทันสมัย ใกล้ชิดธรรมชาติ มุ่งหวังตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบครัน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ได้แก่ กลุ่มเด็ก กลุ่มครอบครัว และกลุ่มคนทำงาน เป็นต้น ประกอบกับมองว่านี่คือจังหวะที่ดีในการขยายการลงทุน เนื่องจากราคาที่ดินและราคาก่อสร้างมีต้นทุนต่ำ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำเป็นพันธมิตรหลัก เปิดให้บริการที่ The Jas Village ในปีนี้ ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน Caltex, ฟิตเนส 24 ชั่วโมง Fitness7, Urban FoodVille, Mini BIG C, KFC และพันธมิตรทางการค้าอื่นๆ
สำหรับความสำเร็จในผลการดำเนินงานงวดประจำปี 2562 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) บริษัทฯ มีรายได้รวม 962.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 915.7 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ค่าเช่าเป็นรายได้หลัก สัดส่วน 50.2% รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า สัดส่วน 45.7% มีการเติบโตขึ้น และรายได้อื่นๆ 4.1% ของรายได้รวม ขณะที่การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการปรับลดลง ทำให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 169.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 156.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 17.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 198.9% จากปีก่อนขาดทุน (17.4) ล้านบาท
“แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงปีก่อนมีอัตราการเติบโตไม่สูงมากนัก หรือเติบโตที่ประมาณ 2.6% จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีจุดเน้นไปที่การปล่อยพื้นที่ให้เช่าของผู้ค้ารายย่อยที่ขายมือถือและอุปกรณ์เสริมภายใต้ธุรกิจ IT Junction รวมทั้งโครงการพัฒนาศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตีมอลล์ และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โครงการคอนโดมิเนียม นีเวร่า บริษัทฯ สามารถโอนส่งมอบห้องชุดเรียบร้อยแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมดของโครงการ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลงานพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.2 ล้านบาท พร้อมกับโอกาสในการขยายงานโครงการอย่างต่อเนื่องในปีนี้” นายสุพจน์กล่าวทิ้งท้าย