บล.เอเซียพลัสประเมิน KBANK ขายเงินลงทุนในอายิโนะโมะโต๊ะได้กำไร 3 พันล้านบาท แต่มองยังไม่หนุนผลงานปีนี้ เหตุภาพรวมธุรกิจยังเจอโควิด-19 แถม กนง.จ่อหั่นดอกเบี้ยกดดัน แต่ยังแนะนำลงทุนระยะยาว เพื่อหวังเงินปันผล
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ธนาคารได้เข้าตกลงทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท AJINOMOTO Co., INC (AJICO) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด (AJT) ทั้งนี้ได้ลงนามข้อตกลงการซื้อขายหุ้น AJT ให้กับ AJICO โดยขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 5% มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 5,972 ล้านบาท และคาดว่าจะทำการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ภายในเดือน มี.ค. 63
บทวิจัยจาก บล.เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยว่า KBANK แจ้งการขายเงินลงทุนในบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด (AJT) ที่ถืออยู่ทั้งหมด 5% ของทุนจดทะเบียนให้ Ajinomoto Co., Inc. (“AJICO”) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ AJT คิดเป็นมูลค่า 5,972 ล้านบาท โดยธนาคารฯ คาดธุรกรรมแล้วเสร็จ มี.ค. 63
อย่างไรก็ดี เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต้นทุนของเงินลงทุน ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรจากการขายเงินลงทุนครั้งนี้ โดยอิงจากหมายเหตุประกอบงบการเงินปี 2562 พบว่ารายการเงินลงทุนทั่วไป ประเภทตราสารทุนที่ไม่อยู่ในความต้องการของตลาดในประเทศ ณ 31 ธ.ค. 62 มูลค่า 1,656 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าไม่ใช่เงินลงทุนใน AJT เพียงบริษัทเดียว
เบื้องต้นคิดแบบอนุรักษนิยม คาดการณ์กำไรจากการขายเงินลงทุนดังกล่าวประมาณ 3,000 ล้านบาท (งวด Q1/62 มีกำไรจากการขายเงินลงทุนราว 262 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 10,044 ล้านบาท)
ทั้งนี้ ประเมินผลต่อกำไรสุทธิอาจต่ำกว่าจำนวนดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มส่งผลต่อคุณภาพลูกหนี้ ทำให้ ECL (Credit Cost ตามมาตรฐานบัญชีเดิม) มีทิศทางสูงขึ้น รวมทั้งโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วง 1H63 ค่อนข้างสูง (กนง.ประชุมครั้งต่อไป 25 มี.ค. 63) จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 อ่อนตัว 15% yoy ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท
แนะนำหาจังหวะเข้าลงทุนยาว รับปันผล
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่กระจายในวงกว้างมากขึ้น ทำให้กลุ่มธนาคารฯ (น้ำหนักการลงทุนสำหรับกลุ่มธนาคาร : น้อยกว่าตลาด) ต้องออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง (กลุ่มโรงแรม) และทางอ้อม (ตามประกาศ ธปท. 28 ก.พ. 63) เพื่อให้ลูกหนี้ทั้งที่ยังไม่ด้อยคุณภาพ (Stage1 และ Stage 2) และลูกหนี้ที่ด้อยคุณภาพอยู่เดิม (NPL) ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้
เช่น การปรับเงื่อนไขชำระเงินต้น, การเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง, การพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมฯ, การปลอดชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย ฯลฯ ซึ่งธนาคารพิจารณารายละเอียดและความช่วยเหลือเป็นรายไป แม้มีโอกาสกระทบรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและค่าธรรมเนียมเล็กน้อยช่วงสั้น แต่เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากและให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้
ราคาปรับฐานตามบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารฯ ยังต้องเฝ้าระวัง แต่ Valuation มี PBV ที่ 0.67 เท่า และ Div Yield งวด 2H62 ที่ 4.5 บาท/หุ้น (คิดเป็น Div Yield 3.8%) ขึ้น XD วันที่ 9 เม.ย. 63 ส่วนปี 2563 ที่ 4.2% (คาดที่ 5 บาท/หุ้น) โดยอาจหาจังหวะเข้าลงทุน เพื่อเข้าลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล