โรงพิมพ์ตะวันออกเปลี่ยนชื่อเป็น “อีสเทอร์น พาวเวอร์” พร้อมชื่อเทรดใหม่เป็น EP พร้อมแจ้งงบกำไรปี 62 แตะ 651.72 ล้านบาท ตกหุ้นละ 71 สต. ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์คึกคักรับยุคออนไลน์ฮอต ขณะที่บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น เล็งย้ายเทรดหมวดพลังงาน
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 651.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,530.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากงวดเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบริษัท เวิลด์ พริ้นติ้ง แอนด์ แพ็คเกจจิ้ง หรือ WPP ซึ่งได้เริ่มผลิตกล่องในเดือนตุลาคม 2562 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากกระแสธุรกิจออนไลน์ที่มีการเติบโตสูง และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นถุงกระดาษ และผลิตภัณฑ์ Bio-Degradable เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำงวดปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และกำหนดปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2563 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ซึ่งจะมีการนำเสนอให้พิจารณาในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เป็น บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ ชื่อย่อ EP เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้และกำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้ามากกว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มาตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2560 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาการย้ายหมวดธุรกิจจากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหมวดพลังงาน และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่ทันที
ขณะเดียวกัน พิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อย โดยให้ทำประมาณการการลงทุนไว้ พร้อมกับให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) เพื่อระดมทุนในอนาคต เพราะที่ผ่านมามีสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก
นายยุทธกล่าวต่อว่า แผนธุรกิจปี 2563 บริษัทฯ มั่นใจว่ายังคงรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการต่างๆ ที่ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปีที่ผ่านมา และจะสามารถรับรู้ได้เต็มปี ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าที่จะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละโครงการ ซึ่งบริษัทฯ มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน