ทีเอ็มบี-ธนชาต ผนึกความร่วมมือออกมาตรการ “ตั้งหลัก” ช่วยเหลือลูกค้ารายใหญ่-รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) พักชำระเงินต้นได้สูงสุด 6 รอบบัญชี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนลูกค้าให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่สะดุด
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ร่วมกันออกมาตรการ “ตั้งหลัก” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ทั้งกลุ่มที่ได้รับเชื้อ หรือกิจการได้รับผลกระทบ ยอดขายลดลงทั้งรายใหญ่และรายย่อยซึ่งมีที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่สถานที่ทำงาน หรืออย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ในเขตจังหวัด กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และพังงา ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตฝ่าวิกฤตครั้งนี้ต่อไปได้ ดังนี้
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อบ้าน ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร ขอพักชำระหนี้ได้นานสูงสุด 3 รอบบัญชี หากอยู่จังหวัดอื่นให้อยู่ในดุลพินิจของธนาคาร และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระหนี้ตามปกติ ลูกค้าสมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค.2563 สินเชื่อรถยนต์ ธนชาต DRIVE ลูกค้าที่ค้างชำระหนี้ไม่เกิน 60 วัน ขอพักชำระหนี้ได้เพิ่มสูงสุด 60 วัน และขยายเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 96 งวด โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระหนี้ตามปกติ ลูกค้าสมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค.2563
บัตรเครดิต-บัตรกดเงินสด ลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทีเอ็มบี ขอพักชำระหนี้ได้นานสูงสุด 3 รอบบัญชี โดยดอกเบี้ยยังเดินปกติ แต่ไม่ถูกบันทึกเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระหนี้ตามปกติ ด้านลูกค้าธนชาต สำหรับบัตรเครดิตขอลดยอดชำระขั้นต่ำได้ จาก 10% เหลือ 5% นานสูงสุด 3 รอบบัญชี ส่วนลูกค้าบัตรกดเงินสดขอลดยอดชำระขั้นต่ำได้ จาก 3% เหลือ 1% นานสูงสุด 3 รอบบัญชี และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระหนี้ตามปกติ ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร สมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค.2563 และสินเชื่อบุคคล ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ขอพักชำระหนี้ได้นานสูงสุด 3 รอบบัญชี และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระหนี้ตามปกติ โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 3 รอบบัญชี หรือจนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ลูกค้าทีเอ็มบีติดต่อสอบถามได้ที่ทีเอ็มบีทุกสาขา หรือ TMB Contact Center โทร.1558 ลูกค้าธนชาต ติดต่อสอบถามได้ที่ธนชาตทุกสาขา หรือ Thanachart Contact Center โทร.1770
ส่วนผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ได้แก่ ลูกค้ากลุ่ม SME ทั้ง 2 ธนาคาร ที่ประกอบธุรกิจบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ร้านค้าปลีกสำหรับนักท่องเที่ยว ธุรกิจผลิตภัณฑ์การเกษตร ธุรกิจขนส่ง เช่ารถ หรือธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงลูกค้าสินเชื่อผู้ประกอบการวิชาชีพแพทย์ของธนชาต โดยกรณีลูกค้าทีเอ็มบี กรณีมีวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ขอพักชำระเงินต้นได้สูงสุด 6 เดือน และสามารถขยายเวลาผ่อนชำระออกไปได้อีก 6 เดือน กรณีลูกค้าธนชาต กรณีมีวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ขอพักชำระเงินต้นได้สูงสุด 6 เดือน กรณีมีวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร ขอลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.50% จากสัญญาสินเชื่อปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
และกรณีใช้การค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค.2563 ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคารขอพักชำระค่าธรรมเนียมได้ 12 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระเดิม และเมื่อครบกำหนดให้กลับมาชำระตามหลักเกณฑ์ โดย บสย. จะพิจารณาคำขอที่ยื่นมาก่อนวันครบกำหนดชำระเท่านั้น
ทั้งนี้ ลูกค้าสมัครร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค. 2563 โดยลูกค้าทีเอ็มบี ติดต่อสอบถามและสมัครร่วมโครงการได้ที่ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ หรือศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ TMB SME 0-2828-2828 ลูกค้าธนชาต ติดต่อ Thanachart Contact Center โทร.1770
และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ กรณีมีวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ขอพักชำระเงินต้นได้สูงสุด 6 เดือน และขอขยายเวลาการผ่อนชำระออกไปได้อีก 6 เดือน สูงสุดได้ถึง 2 ครั้ง รวม 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร) กรณีมีวงเงินกู้ระยะสั้น ODB, O/D, RPN ธนาคารขยายเวลาชำระเงินให้ 3 เดือน สูงสุดได้ถึง 2 ครั้ง รวม 6 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ กรณีมีวงเงินกู้ Trade Finance ธนาคารขยายเวลาพักชำระเงินให้ 3 เดือน สูงสุดได้ถึง 2 ครั้ง รวม 6 เดือน และกรณีมีวงเงินกู้ LC : Letter of Credit ที่ครบกำหนดชำระเงิน สามารถแปลงวงเงิน LC เป็นวงเงิน TR ได้ โดยมีอายุวงเงิน TR ไม่เกิน 6 เดือน โดยลูกค้ากลุ่มธุรกิจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 พ.ค.2563