"ไอริส กรุ๊ป" ขยับตัวพลิกโฉมครั้งใหญ่ เดินหน้าสร้างแบรนด์เพื่อตอกย้ำแนวคิด "คิด...เพื่อชีวิตเต็มประโยชน์" เปิด 2 โครงการแนวราบใหม่ มูลค่า 2,200-2,300 ล้านบาท นำร่องในทำเลศักยภาพกับโครงการ "IDEN เกษตรฯ พหลโยธิน" รับดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัย ธุรกิจออนไลน์ และสตาร์ทอัปที่เติบโต เผยปีนี้วางเป้ายอดรับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท เดินหน้าเจรจาร่วมทุนกับญี่ปุ่น จีน รับกลยุทธ์การเข้าตลาดหุ้น
นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะโตต่ำกว่า 2-3% เนื่องจากเศรษฐกิจโตได้ระดับ 2% ขณะที่กำลังซื้อโดยรวมปรับลดลง โดยที่บริษัทไอริสฯ ได้มีการปรับองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ปรับโลโก้ และการพัฒนาแบบบ้านที่มีดีไซน์ และการวางพื้นที่ตอบโจทย์กับแนวคิด "คิด..เพื่อชีวิตเต็มประโยชน์" รวมถึงการพิจารณาที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ที่เหมาะสมต่อความต้องการของตลาด แล้วตัดสินใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มราคาที่ลูกค้าให้การตอบรับ ซึ่งในปีนี้จะเปิดโครงการแนวราบเป็นหลัก เบื้องต้น 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 2,200-2,300 ล้านบาท
โครงการแรกที่นำกลับมาพัฒนา ได้แก่ โครงการ "IDEN เกษตรฯ พหลโยธิน" ใน ซ.ลาดปลาเค้า 71 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง ขนาดตั้งแต่ 22.8-31 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 8.59-14 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต และบ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยวสุดหรู ขนาด 22-43 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 8.59-20 ล้านบาท จำนวน 32 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เริ่มขายรอบ VVIP ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มี.ค.63 คาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เปิดการขายจะทำได้ 10 กว่ายูนิต ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดที่ชะลอตัว
ปัจจุบัน ทำเลเกษตร พหลโยธิน เป็นทำเลที่บูมและมีศักยภาพ มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย (ดีมานด์) เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และผลจากที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) เข้ามา ยังเป็นปัจจัยหลักที่ดึงดูดนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่เข้ามาลงทุนด้านที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก และเป็นทำเลที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัยชั้นนำ สถานที่ราชการ ทำให้ตอบโจทย์ต่อการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยของคนในย่านนี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพอิสระและสตาร์ทอัปที่กำลังเติบโต และด้วยการพัฒนาโครงการในระดับราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้ามีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่พบในย่านเกษตร-นวมินทร์ จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม รองลงมาคือ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ตามลำดับ รูปแบบที่ได้รับความนิยมคือ บ้านแบบ 4 ห้องนอน ระดับราคา 4-9 ล้านบาท และ 25-40 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 ที่จะเปิดในปีนี้ รูปแบบโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ใหม่ "Icopehn by Iris" สุขุมวิท 76 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 16 ไร่ ทาวน์โฮม 2 ชั้น ประมาณ 200 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 3 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าการร่วมทุนกับพันธมิตร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางนักลงทุนญี่ปุ่น และจีน ซึ่งยังมีรายละเอียดในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งการร่วมทุนกับพันธมิตรก็เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจของไอริส ที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 10 ปี และยังสอดคล้องต่อแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
โดยบริษัทยังมีที่ดินสะสมรอการพัฒนาในทำเลที่มีศักยภาพ 4 แห่ง ได้แก่ ที่ดินติดถนนย่านพระราม 9 ย่านตลิ่งชัน ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีแดง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ ซึ่งมีแผนพัฒนาในรูปแบบแนวราบเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ที่ดินในจังหวัดชลบุรี จำนวน 21 ไร่ มีแผนจะพัฒนาโครงการแนวราบ และที่ดินในจังหวัดระยอง บริเวณหาดพลา จำนวน 34 ไร่ พัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส และโครงการบ้านสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งทั้งหมดนี้หากนำมาพัฒนาจะมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
ในเรื่องของเป้าทางธุรกิจในปีนี้ วางตัวเลขรับรู้รายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท มาจาก 3 โครงการเดิมประมาณ 500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไอริส เวสต์เกต ไอริส พาร์ค ชัยพฤกษ์-วงแหวน และ IDEN สุขุมวิท 101 และจาก 2 โครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ประมาณ 500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าเหลือขาย มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมไอริส เวสต์เกต จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 220 ล้านบาท ไอริส พาร์ค จำนวน 180 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท และโครงการ IDEN สุขุมวิท 101 มูลค่า 700 ล้านบาท เปิดตัวโครงการเมื่่อกลางปีที่ผ่านมา คาดว่าระยะเวลาพัฒนาโครงการและขายหมดภายในระยะเวลา 2 ปี