GCAP แจ้งผลงานปี 62 กำไรสุทธิ 56.22 ลบ. รายได้รวม 358.63 ลบ. เพิ่มขึ้น 17% สวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจ พ่วงข่าวดีบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.10 บาท/หุ้น พร้อมปักธงปีหนูทองสินเชื่อใหม่เติบโตต่อเนื่อง เน้นใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพิจารณาคุณภาพลูกหนี้ คุม NPL ลุยขยายฐานลูกค้าสินเชื่อเกษตรกรแกนหลักธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าประเภทเครื่องจักรกลการเกษตร และให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสินเชื่อประเภทอื่นๆ เปิดเผยถึง ผลประกอบการปี 2563 คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2562 วางเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปี 2563 ขยายตัว 20-30% โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้าในสินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักเพราะยังมีโอกาสเติบโตสูง
นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และพิจารณาลูกค้าในมิติต่างๆ เช่น รายได้ ความสามารถในการชำระ โอกาสที่จะผิดนัดชำระ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพของลูกหนี้ของบริษัทดีขึ้น และช่วยลดตัว NPL ได้อย่างมีนัยยะสำคัญในอนาคต
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2562 มีกำไรสุทธิ 56.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.89 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ โดยมีรายได้รวมจำนวน 358.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 306.40 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสิทธิเรียกร้องภายใต้สัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับสินเชื่อนิติบุคคล และรายได้ค่าปรับล่าช้าจากสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
โดยบริษัทได้มีการขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อผ่านพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ในปี 2562 มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 1,290 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 57% และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล 43% คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดปล่อยสินเชื่อรวม 1,180 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2562 บริษัทได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สบายใจแฟ็คตอริง ซึ่งเป็นประเภทสินเชื่อระยะสั้น เหมาะกับกิจการที่มีลูกหนี้การค้าไปขายให้กับบริษัทที่ทำแฟ็คตอริง เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในกิจการระยะเวลาอันสั้น เป็นการนำบัญชีลูกหนี้การค้าที่ยังไม่ครบกำหนดวันรับเงิน มาหมุนเป็นเงินลงทุนก่อน และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สินเชื่อมีหลักประกันจดจำนอง ซึ่งเป็นนิติกรรมรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นการประกันชำระหนี้แก่ผู้จดจำนอง โดยทรัพย์สินจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองโดยทันที
ทั้งนี้ ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 51 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 95.49% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท คงเหลือเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังหลังหักการตั้งสำรองทางกฎหมาย ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 และจ่ายปันผลวันที่ 7 เมษายน 2563