ทรีนีตี้ ชี้ กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% หนุนระดับ PE เป้าหมายของตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นจากเดิม 2.9% ส่งผลดีต่อภาพดัชนีโดยรวม
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งให้ดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1% ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ว่า ผลของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะส่งผลให้ระดับ PE เป้าหมายของ SET Index ถูกขยับขึ้นจากเดิม 2.9% ตามปรากฏการณ์ PE Expansion ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้านี้ทรีนีตี้ได้ให้ระดับ PE เป้าหมายในกรณีดีสุดของตลาดไว้ที่ 15.4 เท่า หากอิงบนสมมติฐานกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่ 100 บาท จะได้ระดับดัชนีเป้าหมายในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 1,540 จุด
อย่างไรก็ตาม หลังจาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ระดับ PE เป้าหมายในกรณีดีสุดถูกขยับขึ้นเป็น 15.8 เท่า และทำให้ระดับดัชนีเหมาะสมใหม่ในกรณีดังกล่าวปรับขึ้นเป็น 1,580 จุด สำหรับกรณีฐานระดับ PE เป้าหมายจะถูกขยับขึ้นจาก 14.4 เท่าเป็น 14.8 เท่า และได้ระดับดัชนีเหมาะสมใหม่ที่ 1,480 จุด ส่วนกรณีแย่สุดระดับ PE เป้าหมายจะถูกขยับขึ้นจาก 13.4 เท่าเป็น 13.8 เท่า และได้ระดับดัชนีเหมาะสมใหม่ที่ 1,380 จุด
ทั้งนี้ ระดับดัชนีข้างต้นยังไม่รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเข้ามาซื้อขายของหุ้น CRC ในช่วงถัดไป ทำให้ประมาณการ EPS ของตลาดถูกลดทอนลงอีกเหลือราว 98 บาทต่อหุ้น ดังนั้น หากรวมผลกระทบดังกล่าวเข้าไปด้วยจะทำให้ระดับดัชนีเหมาะสมขยับลดลงเล็กน้อยได้ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่ม Hire purchase และกลุ่ม Leasing เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินถูกลง รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Property Fund / REIT/ IFF ที่จะมีความน่าสนใจต่อไป จากส่วนต่างเงินปันผลเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยที่อยู่ในระดับสูง และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินบาทมีโอกาสปรับตัวลงอีกเล็กน้อยระยะสั้น แต่จะไม่มีนัยสำคัญมากเนื่องจากสะท้อนราคาไปแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่จะต้องจับตาต่อไป หลังการลดดอกเบี้ย คือ ท่าทีของสหรัฐในช่วงถัดไป โดยเฉพาะเดือนเมษายน ว่าจะมีการพิจารณาว่าไทยเข้าข่ายประเทศที่บิดเบือนค่าเงินหรือไม่ หากมีการบรรจุไทยเข้าไปใน Watchlist จะทำให้สหรัฐใช้เป็นข้ออ้างในการใช้มาตรการทางภาษี (Tariff ) กีดกันการค้ากับไทย