“เอ็มดี ธอส.” ชี้ ธปท. คลายเกณฑ์ LTV ส่งผลดีต่อประชาชนที่ขอกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและภาคอสังหาฯ คาดในปีนี้ ธอส. จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้อีก 5-10% จากเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 63 ที่ 2.09 แสนล้านบาท เล็งเสนอบอร์ดฯ 28 ม.ค.นี้ พิจารณาออกสลากออมทรัพย์ใหม่อีก 5 หมื่นล้านบาท หวังใช้เป็นทุนหนุนแผนออกโครงการปล่อยกู้ซื้อบ้านที่คิดคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 2.7%
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีสำรับผู้ของสินเชื่อ เนื่องจากจะสามารถได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากหลักประกัน 110% ซึ่งส่วนที่เพิ่มขึ้น 10% นี่จะเป็นการกู้เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องแยกบัญชี โดยธนาคารสามารถคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้เท่ากับหลักประกันหรืออาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
ทั้งนี้ คาดว่าหลัง ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวนี้แล้ว จะทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารฯ ในปี 63 เพิ่มขึ้นอีกราว 5-10% จากเป้าหมายรวมการปล่อยสินเชื่อที่เคยตั้งไว้ 2.09 แสนล้านบาท โดย ธอส. ยังเตรียมตัวที่จะออกสินเชื่อใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 2.77% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่สุดในขณะนี้
สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะมานำมาใช้สำหรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ดังกล่าวนั้น จะมาจากการขยายสลากออมทรัพย์รุ่นใหม่ วงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท โดยในวันที่ 28 ม.ค.63 ธอส. เตรียมที่จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ธอส. พิจารณาการออกสลากออมทรัพย์ใหม่ จำนวน 1 ล้านใบ เพื่อออกขายให้แก่รายย่อยในมูลค่าใบละ 5 หมื่นบาท โดยกำหนดอายุสลากฯ ไว้ที่ 2 ปี และกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่อปีไว้ที่ 1% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ในกรณีที่ซื้อสลากฯ ผ่านระบบบออนไลน์แล้ว ธอส. จะให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 1.1%
นอกจากนี้ ธอส. ยังจะมีรางวัลพิเศษให้เดือนละ 100 รางวัล โดยกำหนดมูลค่าแต่ละรางวัลจะอยู่ที่ 5 หมื่นบาท รวมทั้งยังมีรางวัลแจ็กพอตไตรมาสละ 10 รางวัล โดยแต่ละรางวัลจะมีมูลค่า 1 แสนบาท ส่วนเวลาการเปิดขายสลากฯ นั้น ธอส. จะเริ่มดำเนินการในเดือน ก.พ. และคาดว่าจะขายได้หมดในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ธอส. ตั้งเป้ามูลค่ารวมการออกสลากออมทรัพย์จะมีทั้งสิ้น 3 แสนล้านบาทภายในระยะ 2 ปี โดยในปัจจจุบันออกสลากออมทรัพย์ไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท
ด้านความคืบหน้าการดำเนินในการดำเนินโครงการบ้านดี มีดาวน์ ซึ่งรัฐบาลกำหนดคืนเงินค่าดาวน์ให้แก่ผู้กู้รายละ 5 หมื่นบาทว่า มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 9 หมื่นราย โดย 6 พันราย ได้รับการอนุมัติมัติคืนเงินดาวน์จาก ธอส. แล้ว ขณะที่ความคืบหน้าในการปล่อยสินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ย 2.5% ตามนโนบายของรัฐบาล มีจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวนี้รวมแล้วกว่า 1 หมื่นราย ซึ่งคิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 2.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ธอส. ได้ทำการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 9 พันราย คิดเป็นวงเงินรวม 1.6 หมื่นล้านบาท
