"วายแอจี" ประเมินราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนต่อข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน และสถานการณ์อิหร่าน คาดถ้าไม่ผ่าน 1,561 เหรียญ ควรลดการถือครอง ส่วน Set 50 Futures ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,070-1,080 จุด ขณะที่ Single Stock ยก KCE โดดเด่น
"เบญจมา มาอินทร์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ และ "อภิชาติ เลิศสาครศิริ" นักวิเคราะห์วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส แสดงความเห็นถึงทิศทางราคาทองคำว่า ราคาทองคำค่อนข้างแกว่งตัว และลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 1,535 เหรียญ จากนั้นฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนมองว่าข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่งลงนามไปยังไม่ดีพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งข้อตกลงในครั้งต่อไปยังยากในการแก้ปัญหา รวมถึงยังไม่มีความแน่นอนในเรื่องสหรัฐฯ และอิหร่าน ทำให้นักลงทุนยังเลือกซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในบริเวณ 1,550 เหรียญ
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุม World Economic Forum ที่สวิตเซอร์แลนด์ และ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าร่วมประชุมด้วย จึงต้องอรดูว่า "ทรัมป์" จะกล่าวถึงอะไรที่มีผลต่อปัจจัยต่างๆ เพียงใด
นอกจากนี้ จะมีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง ดัชนี PMI ภาคการผลิต และการประชุมธนาคารญี่ปุ่น และธนาคารกลางยุโรป รวมไปถึงสถานการณ์สหรัฐฯ และอิหร่านที่อาจทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนได้
ทำให้กลยุทธ์ลงทุน เชื่อว่าราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ ดังนั้น ใครที่ถือทองคำไว้และราคายังไม่ผ่าน1,558-1,561 เหรียญ ควรลดสถานะการถือครองออกไปก่อน แต่ถ้าทะลุ 1,561 เหรียญไปได้ให้ถือต่อรอขายโซน 1,573 เหรียญ หรือถ้ารับความเสี่ยงได้น้อย ให้รอราคาปรับตัวลงมาก่อนบริเวณ 1,536-1,528 เหรียญ
ส่วน Set 50 Futures ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,070-1,080 จุด ทิศทางยังเคลื่อนไหวในกรอบ ทำให้กลยุทธ์ Trading คือหากดัชนีไม่ผ่าน 1,080 จุด อาจเปิดสถานะขาย หรือ Short
ขณะที่ Single Stock Futures ครั้งนี้ "วายแอลจี" เลือก KCE ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ เพราะมีปัจจัยบวกจากการลงนามยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นไปได้ด้วยดี และการอ่อนค่าของเงินบาท
"มองว่าหากหุ้นแม่ KCE ยืนเหนือ 22 บาทต่อหุ้นได้ มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยสามารถปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้าน 25 บาท แต่ถ้าหลุดออกมาก็ Stop Loss ไปก่อน"