xs
xsm
sm
md
lg

ทองคำลดความร้อนแรง หลัง US ไม่โต้ตอบเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทองคำลดความร้อนแรงหลังสถานการณ์สหรัฐฯ-อิหร่าน คลี่คลายลง แต่ยังต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ด้าน Set50 Futures คาด พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ช่วยผลักดัน พร้อมยก WHA โดดเด่น
 
"วรุต รุ่งขำ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนค่อนข้างมาก เพราะทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มีการทะยานขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน จนถึงขนาดมีการสู้รบกัน โดยอิหร่านมีการยิงขีปนาวุธไปยังฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก เพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ได้ปลิดชีพนายพลระดับสูงของอิหร่าน ทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงจนทำให้นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่าจะมีการสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนาน จนเกิดแรงกระตุ้นการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทะยานพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี โดยขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,611 เหรียญ


อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำก็ยืนอยู่เหนือระดับดังกล่าวได้ไม่นาน และถูกขายทำกำไรออกมาหลังจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีการออกมาแถลงการณ์หลังจากถูกโจมตีว่าชาวอเมริกันไม่ได้ถูกสังหารจากการโจมตีดังกล่าว รวมทั้งสหรัฐฯ เองจะมีการตอบโต้โดยใช้มาตรการการคว่ำบาตรเศรษฐกิจแทนที่จะใช้การโจมตีทางการทหาร แนวโน้มหรือสถานการณ์ความตึงเครียดจึงคลี่คลายลง ส่งผลให้ทองคำมีการลดลงในช่วงปลายสัปดาห์


สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา แนะนำนักลงทุนจับตาดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะทำให้เห็นพัฒนาการเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยจีนกับสหรัฐฯ จะมีการลงนามการค้าเฟสแรกในวันที่ 15 มกราคมนี้ โดยรองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีการตกลงกันว่าจะไปลงนามที่ทำเนียบขาว ซึ่งนักลงทุนสามารถจับตาดูว่าจะมีการลงนามในเฟสแรกจริงหรือไม่ และจะมีรายละเอียดข้อตกลงทางด้านการค้าอย่างไร หรือจะมีการยกเว้น หรือระงับการจัดเก็บภาษีที่มีการตอบโต้ไปมาหรือไม่ เพราะหากเกิดสัญญาณในลักษณะดังกล่าวจริง ก็อาจจะกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้อ่อนตัวหรือปรับฐานลงได้ แต่หากไม่เกิดการลงนาม ก็อาจเกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้ขยับหรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้เช่นกัน
 
  นอกจากนี้ แนะนำจับตาสถานการณ์ Brexit ในอังกฤษ หลังจากสภาของอังกฤษมีการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว และมีการส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปให้สภาขุนนางพิจารณา ซึ่งหากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านในส่วนของทั้ง 2 สภา อาจจะเป็นการอนุมัติการร่างกฎหมายเบื้องต้นทันวันที่ 29 มกราคม เพื่อจะเป็นการเปิดทางให้ทางสหภาพยุโรปรองรับในข้อตกลง และจะทำให้อังกฤษมีการแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปภายในวันที่ 31 มกราคมที่มีการวางแผนเอาไว้ โดยหากการ Brexit ราบรื่นและเป็นไปตามเงื่อนไข อาจจะส่งผลเชิงบวกต่อสกุลเงินปอนด์ และส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำได้เช่นกัน
 
  ขณะเดียวกัน แนะนำจับตาทิศทางตลาดหุ้น wall street ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มธนาคาร จะมีการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/19 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังมีการคาดการณ์ว่า ผลประกอบการณ์อาจจะมีการปรับตัวลดลง 0.6% และเป็นการปรับตัวลดลงเป็น 2 ไตรมาสติดต่อกัน แนวโน้มดังกล่าวอาจจะกลับมาส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำเพิ่มเติม ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตประจำเดือนธันวาคม ยอดค้าปลีกประจำเดือนธันวาคม ขณะที่ทางฝั่งจีนก็จะมีการเปิดเผยผลิตภัฒฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/19 ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนราคาทองคำเพิ่มเติม
 
  ทำให้กลยุทธ์ในการลงทุน ประเมินว่า ราคาทองคำ การผันผวนหรือการแกว่งตัวลดลง หลังจากทองคำถูกขายหรือลดช่วงบวกลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ระยะสั้นมีโมเมนตัมทิศทางที่เป็นลบมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อาจจับตาดูการสร้างฐานหรือการทรงตัวของราคาทองคำ หากยืนทรงตัวอยู่เหนือ 1,528 เหรียญได้ ประเมินว่าอาจจะเกิดการรีบาวนด์ หรือการดีดตัวขึ้นของราคาทองคำทดสอบแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,580 เหรียญ
 
อย่างไรก็ตาม หากราคายังไม่ผ่านหรือมีปัจจัยบวกมากพอที่จะดันให้ราคาไปยืนอยู่เหนือ 1,580 เหรียญ ประเมินว่าอาจจะเกิดแรงขายหรือการอ่อนตัวลงมาของทองคำลงอีกครั้ง ดังนั้น แนะนำนักลงทุนลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ โดยให้กรอบแนวรับแรกอยู่ที่ 1,528 เหรียญ หากคิดเป็นเงินบาทไทยหรือทองคำแท่ง 96.5% จะประมาน 21,900 บาทต่อบาททองคำ แต่หากยืนไม่อยู่จริงๆ ประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,510 เหรียญ หรือคิดเป็นเงินบาทไทยประมาณ 21,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวต้านประเมินไว้อยู่ที่ 1,580 เหรียญ หากคิดเป็นเงินบาทไทยก็ประมาณ 22,600 บาท และแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,603 เหรียญ คิดเป็นเงินบาทไทยประมาณ 22,950 บาทต่อบาททองคำ
 

ขณะที่ Set 50 index futures มีการเคลื่อนไหวในกรอบ 1,052-1,072 จุด โดยจุดต่ำสุดเกิดในช่วงที่อิหร่านทำการโจมตีฐานทัพอเมริกาในอิรักกลับคืน ทำให้นักลงทุนและตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับในเชิงเนกาทีฟว่ากลัวจะเกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นตัวของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ออกมาทวิตว่าจะไม่มีความรุนแรงต่อเนื่องเลยทำให้ตัวตลาดคลายความกังวลในเรื่องของตัวสงครามออกไป และทำให้ดัชนีสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมารวมถึง Set50 ในประเทศ
 
 
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือ อันแรกคือตัว พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ซึ่งตอนนี้อยู่ในชั้นของ ส.ส.พิจารณา ขั้นต่อไปคือ ส.ว. แล้วก็จะเป็นการทูลเกล้าถวาย และจะประกาศออกมาเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายในปี 2563 ซึ่งทาง YLG คาดว่าจะผ่านในช่วงของกลางเดือนของกุมภาพันธ์ปีนี้ ถ้าผ่านจะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่เศรษฐกิจ และน่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนใน set50 index futures มีทิศทางที่สดใสมากยิ่งขึ้น มี 2 ตัวที่จะต้องติดตาม อันแรกคือดัชนีความเชื่อมั่นอุตสหากรรม และตัวเลขนำเข้าส่งออกโดยกระทรวงพาณิชย์
 
 
สำหรับทิศทางในสัปดาห์นี้ คาดว่า Set 50 Futures จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,060-1,075 จุด แนะนำการลงทุนในกรอบ ในตัว S50H20 โดยขายหรือเปิดสถานะ Short Position ที่กรอบต้านบน และรอดัชนีปรับฐานลงมาเพื่อเข้าซื้อหรือเปิด Long Position
 

ส่วน Single Futures แนะนำเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม นั่นคือ WHA แม้ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลงไปเกือบ.30% มาจากนักลงทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนในประเทศ ส่วนปี 2562 คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ประมาณ 7% ขณะที่ปี 2563 มองว่ามีปัจจัยบวกเพิ่มเข้ามา นั่นคือ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ซึ่งหากผ่านได้ คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น แนะนำเปิดสถานะ Long Position หรือเปิดสถานะซื้อที่ราคา 3.66 บาท และตั้งสถานะทำกำไรเมื่อ WHAH20 ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 3.80 บาท ส่วนจุด Stop Loss อยู่ที่ 3.58 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น