ธปท.ยืนยันบาทแข็งในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่เกิดจากการเก็งกำไรค่าเงิน พร้อมเร่งรัฐบาลและเอกชนเพิ่มการลงทุนในประเทศ และยืดเวลาถือเงินตราต่างประเทศให้นานขึ้น
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันถึงสาเหตุของค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นในปี 2562 ไม่ใช่การแข็งค่าเพื่อการเก็งกำไร แต่เป็นเพราะการเกินดุลของบัญชีเดินสะพัด และไทยมีการลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไข พร้อมมองว่าไทยยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการ QE เพราะจะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ และเป็นการเอื้อให้ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ถูกกว่า SME
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธปท.ชะลอการแข็งค่าของเงินบาทด้วยการเข้าซื้อดอลลาร์และขายเงินบาท ทำให้ในช่วง 5 ปี ระหว่างปี 2558-2562 ไทยมีเงินกองทุนสำรองเพิ่มขึ้นเกือบ 80,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งของรายได้จากการขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ
พร้อมยอมรับว่ายังมีความกังวลถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และ ธปท.ยังมีเครื่องมือเพียงพอที่จะแก้ปัญหา แต่มองว่าหากภาครัฐและเอกชนร่วมมือแก้ปัญหา เช่น การผลักดันการลงทุนในประเทศของภาครัฐ การลงทุนเพิ่มหรือการนำเข้าสินค้าคงทนของภาคเอกชน และการเก็บรายได้ไว้ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ จะเป็นการแก้ปัญหาได้ดีกว่าการที่ ธปท.เข้าไปแทรกแซงทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังคงเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น และผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลเปลี่ยนเงิน เพื่อเอื้อต่อการลงทุนในประเทศและสร้างสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าบาท