xs
xsm
sm
md
lg

3 หุ้นโรงไฟฟ้าทำราคานิวไฮ กัลฟ์ฯ นำโด่งสถิติใหม่ 193.50 บาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - นักลงทุนแห่ลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าคึกคัก หนุนราคาทำสถิติรอบใหม่ นำโดย "กัลฟ์ฯ" วอลุ่มทะลัก 4.5 พันล้านบาท ราคาปิดสูงสุดที่ 193.50 บาท ขณะที่ "GPSC-BGRIM" ทำสถิติใหม่เช่นกันปิดที่ 95.75 บาท และ 60.00 บาท ตามลำดับ ผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,586.16 จุด นักวิเคราะห์แนะให้จับตาผลประกอบการกลุ่มแบงก์-ตัวเลขเศรษฐกิจของไทย

บรรยากาศการซื้อขายหลักทรัพย์ วานนี้ (13 ม.ค.) นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่กันอย่างคึกคัก ส่งผลให้ราคาหุ้น 3 บริษัทโรงไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำลายสถิติราคาหุ้นสูงสุดที่เคยทำไว้ แต่เปิดการซื้อขายในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง กดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเล็กน้อย


สำหรับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาต่ำสุดที่ 177.50 บาท ราคาสูงสุดตอนปิดตลาดการซื้อขายที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนกว่า 16.50 บาท หรือคิดเป็น 9.62% ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดทำลายสถิติสูงสุดที่ทำไว้ 179.50 บาท เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 62 มูลค่าการซื้อขายติดอันดับ 1 ของหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูดสุดประจำวันที่ 4,540.75 ล้านบาท


บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาสูงสุด 96.50 บาท ต่ำสุด 93.50 บาท ปิดที่ 95.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.13% เทียบกับราคาปิดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 62 ที่ราคา 95.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,445.18 ล้านบาท


ส่วนบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาสูงสุดที่ 61.00 บาท ต่ำสุด 58.75 บาท ก่อนจะปิดที่ราคา 60.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 3.90% สูงกว่าราคาสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 63 ที่ระดับราคา 57.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,442.76 ล้านบาท


จากการราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะสูงสุดที่ 1,588.79 จุด ต่ำสุด 1,579.34 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,586.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด หรือคิดเป็น 0.35% มูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวัน 65,020.40 ล้านบาท


ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 227.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 1,240.58 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,029.66 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 438.38 ล้านบาท


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยต่างรอดูการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เฟสแรก ซึ่งคาดการณ์จะลงนามในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ปรับตัวขึ้นมาตอบรับสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 2 และ วาระ 3 แล้ว ขณะเดียวกันยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า


อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเริ่มที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดย TISCO จะประเดิมเป็นรายแรกในวันนี้ (14 ม.ค.) รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศสำคัญ ๆ ด้วย


สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (14 ม.ค.) ตลาดหุ้นจะยังคงเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ โดยให้แนวรับไว้ที่ระดับ 1,575-1,580 จุด ส่วนแนวต้านระดับ 1,590 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น