กรุงไทยชี้เงินบาทปีนี้ยังคงแข็งค่า สาเหตุหลักเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่า และยังมี 3 ปัจจัยหลักกดดันเงินบาท มองกรอบการเคลื่อนไหวครึ่งปีแรก 29.50-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนครึ่งปีหลังผันผวนมากขึ้น 28.70-30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ภาพรวมเงินบาทปีนี้ยังแข็งค่า เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่กดดันเงินบาท คือ ทิศทางเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องเผชิญต่อปัญหาการถูกยื่นถอดถอน และจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ การส่งออกทองคำจากผู้ค้าทองคำในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำนิวไฮ การส่งออกทองคำจะมากขึ้น กดดันเงินบาทให้ยิ่งแข็งค่า และปัจจัยสุดท้าย คือ การที่ตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีจะทำให้มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในฝั่งเอเชียในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากเงินต่างชาติไหลกลับมาเร็วจะกดดันให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเช่นกัน ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวปีนี้ให้ระมัดระวังในช่วงไตรมาสแรกของปี (ม.ค.-มี.ค.) เพราะตลาดจะเปิดรับความเสี่ยงและมีเงินทุนไหลเข้าเงินบาทจะแข็งค่าได้ หลังจากนั้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะเป็นช่วงขายทำกำไร กรอบการเคลื่อนไหวในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 29.50-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในครึ่งปีหลังเงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนมากกว่า เพราะใกล้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย ดอลลาร์จะถูกกดดันให้อ่อนค่าลง คาดกรอบการเคลื่อนไหวครึ่งปีหลังอยู่ที่ 28.70-30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ