บมจ.ดู เดย์ ดรีม หวังปี 63 รายได้สูงกว่าปีนี้ที่พลาดเป้าต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เหตุนักท่องเที่ยวชะลอ-เศรษฐกิจโตช้า ขณะที่ปีหน้ามีบุ๊กรายได้ 100 ล้านบาทจากธุรกิจร่วมทุนเกาหลี หลังเร่งจำหน่ายสินค้าในไทย-ตปท.ดันรายได้โต ด้านโบรกเกอร์มองดีลรวมลงทุนเป็น "ความหวังใหม่" หนุนการฟื้นตัวในอนาคต แนะนำ ซื้อ 24.50-29.00 บาท
นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เปิดเผยว่า ในปี 2563 คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตมากกว่าปี 62 จากการเข้าร่วมลงทุนร่วมกับ GP Club ที่จะจำหน่ายสินค้าของบริษัทออกไปในต่างประเทศ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการประเภทผลิตภัณฑ์ความงาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยคาดจะเห็นความชัดเจนการเข้าซื้อกิจการได้ภายในปี 62
"คาดว่าจะมีรายได้จากการนำสินค้าที่วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน รวมถึงสินค้าของ GP Club มาขายในไทย โดยจะสร้างรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท" นายปิยวัชรกล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัท สกิน เมค สไมส์ จำกัด (SMS) หนึ่งในบริษัทย่อยของ DDD ร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ “เจเอ็มเอส โกลบอล โซลูชัน” ร่วมกับ GP Club บริษัทในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้า JMSolution ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าชาวจีน
สำหรับการจัดตั้งบริษัทใหม่ในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน คาดจะเริ่มเห็นในช่วงกลางปี และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ GP Club ในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 1 และ 2 รวมถึงจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทไปยังประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน และสิงคโปร์
อย่างไรก็ดี บริษัทยอมรับว่ารายได้ปี 2562 จะได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ จากเดิมที่คาดจะทำได้ 1,000 ล้านบาทเพราะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชะลอตัว และการยกเลิกสัญญากับผู้กระจายสินค้าในช่องทางการขายแบบเดิม รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบช้าลง
ด้าน บล.บัวหลวงระบุว่า การจัดตั้ง JV ร่วมกับ GP Club โดยบริษัทย่อยของ DDD จะถือหุ้นใน JV 40% ซึ่งผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับ DDD คือการได้เป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทเจ้าใหญ่ที่มีช่องทางการขายที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนยอดขายในประเทศจีนให้กับบริษัท (ที่ผ่านมา 3 เจ้าเป็นเจ้าเล็กหมด) โดยมองว่าอาจจะถูกจำกัดเฉพาะช่องทาง e-commerce เนื่องจากสินค้าต้องผ่านการอนุมัติจากทางการจีนเป็นรายสินค้าไป แต่มีโอกาสที่จะเข้าไปในตลาดประเทศจีนโดยจ้างโรงงานผลิตในประเทศจีนซึ่ง GP Club มีพาร์ตเนอร์อยู่ซึ่งจะทำให้ลดความซับซ้อนของการอนุมัติจากทางการจีนไปค่อนข้างมาก
สำหรับตลาดในประเทศไทย จุดอ่อนหนึ่งของ DDD คือจำนวนแบรนด์ที่น้อย การนำสินค้าของ GP Club เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจะสร้างความหลากหลายให้กับสินค้าของบริษัท และจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทาง TT ที่บริษัทกำลังเริ่มสร้าง Network ขึ้นมา
ส่วนมุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ) บล.บัวหลวงมองว่าดีลนี้เป็นอีกหนึ่ง "ความหวังใหม่" ที่จะเข้ามาหนุนมุมมองการฟื้นตัวในอนาคตของบริษัท ในเชิงกลยุทธ์คาดประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น แนะนำ ซื้อ 24.50-29.00 บาท (stop loss 24.00)