xs
xsm
sm
md
lg

KTC เปิดแผนปี 63 เน้นโตมาร์เกตแชร์ ตุนสำรองเพิ่มรับ ศก.ผันผวน เริ่มธุรกิจใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคทีซีรับปีหน้าความท้าทายสูง เศรษฐกิจผันผวน หันขยายมาร์เกตแชร์ พร้อมกันสำรองเพิ่มรับเศรษฐกิจชะลอ เริ่มทดสอบ 2 ธุรกิจใหม่ในเดือนนี้

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของเคทีซีในปี 2563 ตั้งเป้าหมายเติบโตในส่วนของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ 15% และมียอดบัตรใหม่ 350,000 ใบ และสินเชื่อบุคคลที่ 210,000 ใบ ขณะที่ผลกำไรในปีนี้น่าจะได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ซึ่งเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ถือว่ามีความท้าทายในภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตในอัตราที่ชะลอตัว และภาวะการแข่งขันที่สูง โดยจะหันมาเน้นการเติบโตในด้านของมาร์เกตแชร์ในส่วนของธุรกิจเดิม และดูแลธุรกิจใหม่ โดยปัจจุบันเคทีซีมีมาร์เกตแชร์จำนวนบัตรที่ 10.5% มีมาร์เกตแชร์ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 11.5% พอร์ตสินเชื่อที่ 12.5% และอยากที่จะเพิ่มเป็น 15% ในทั้ง 3 ส่วน ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ได้ทดลองกับกลุ่มเฉพาะไปแล้วตั้งเป้าปล่อยกู้ 1,500 ล้านบาท

"ปี 63 ถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายมาก ถือว่าเป็นปีที่เราจะต้องรับศึกหนักกันนับตั้งแต่ปี 1995 ดังนั้น จะชะล่าใจไม่ได้ เราจึงไม่คิดว่าจะเติบโตด้วยยอดที่สูง แต่จะโตอย่างมีคุณภาพ และเน้นที่โตทางมาร์เกตแชร์ ขณะที่ธุรกิจใหม่สินเชื่อพี่เบิ้มก็เพิ่งเริ่มต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่กว่าจะมีกำไรเข้ามาก็น่าจะประมาณ 24 เดือน ดังนั้น ถ้าธุรกิจใหม่เป็นไปตามที่หวังที่หวังไว้ก็จะทำให้เคทีซีกลับมามีผลการดำเนินเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกในปี 2565 ส่วนกำไรปีนี้น่าจะเติบโตได้ใกล้กับเป้าหมาย และปีต่อไปคงต้องรอประเมินสถานการณ์เป็นช่วงๆ ไป"

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต เคทีซี กล่าวว่า ในปี 2563 แนวคิดการทำตลาดบัตรเครดิตเคทีซีที่กำหนดไว้คือ "Everyone everyday and everywhere" ด้วยเป้าหมายให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรที่สมาชิกเลือกใช้ทุกวันและทุกที่ในทุกช่องทาง ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น จึงตองมีความเข้าใจในลูกค้าให้มากขึ้น ทำการตลาดอย่างฉลาดขึ้น มีความแตกต่างมากขึ้น จึงจะสามารถโตได้ ขณะที่การทำธุรกรรมในช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ก็จะต้องมีความสะดวก ปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจด้วย

"การดำเนินธุรกิจในปีนี้ที่ผ่านมาไม่ง่าย ปีหน้าก็ไม่ง่าย ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอลง จาก 9 เดือนที่ผ่านมายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเราโต 10% ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 15% ทั้งปีก็ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายแต่ก็ยังโตสูงกว่าอุตสาหกรรม ก็หวังว่าไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายจะช่วยดันยอดได้มากขึ้น"

น.ส.พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้อำนวยการ-ธุรกิจสินเชื่อบุคคล เคทีซี กล่าวว่า ในปีหน้าที่เศรษฐกิจมีความผันผวนค่อนข้างมาก กลยุทธ์ของสินเชื่อบุคคลจะเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่จะดูแลด้านคุณภาพของลูกหนี้ให้ดีไปพร้อมๆ กับการขยายลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทางด้านผลิตที่ตอบสนองความต้องการมากขึ้น รวมทั้งช่วยเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เช่น สินเชื่อทางด้านการศึกษาต่างไป การแบ่งเบาภาระให้ลูกค้าผ่านแคมเปญยอดฮิต โครงการเคลียร์หนี้เกลี้ยงให้แก่สมาชิกที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการให้ความรู้ กิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของลูกค้าในอนาคต

*ตุนสำรองเพิ่ม-ชิมลางธุนกิจใหม่เดือนนี้*
นายชุติเดช ชยุติ ซีเอฟโอ เคทีซี กล่าวว่า กรณีแอปพลิเคชันกันกวนนั้น เท่าที่ดูแล้วไม่น่าจะกระทบต่อเคทีซีโดยเฉพาะในด้านของการติดตามลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากจะสามารถบล็อกเฉพาะในช่วงที่ห้ามโทร.เท่านั้น ส่วนกรณีของช่องทางการหาลูกค้านั้น ก็ต้องมีการปรับในด้านของผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจและดึงดูดให้ลูกค้าเป็นผู้ติดต่อเรามามากขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เคทีซีพยายามทำตรงนี้อยู่แล้ว

ส่วนการกันสำรองเพิ่มขึ้นในปีหน้านั้น ก็เพื่อรองรับใน 3 เรื่องหลักๆ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่คงไม่ดีนักในปีหน้า ที่อาจจะส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สูงขึ้น การทำธุรกิจใหม่ก็ต้องกันสำรองเพิ่ม และการกันสำรองเพิ่มตามมาตรฐาน IFRS9 ซึ่งสำรองที่เพิ่มเข้าไปนั้น หากไม่ได้ใช้ก็จะสามารถคืนกลับเข้ามาเป็นกำไรได้อยู่แล้ว

"ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเศรษฐกิจปีหน้าไม่น่าจะดีนัก มีความผันผวนสูง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะลามไปมากน้อยขนาดไหน หากกระทบในวงกว้างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบถึงลูกค้าเราก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ในช่วงภาวะนั้นก็เป็นโอกาสที่จะทำธุรกิจใหม่ เพราะจะมีความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นด้วย ตรงนี้ต้องใช้เงินสำรองเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเพิ่มอีกขนาดไหน เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ประเมินไม่ได้ เช่น ธุรกิจใหม่จะมีเข้ามาขนาดไหน เป็นต้น"

สำหรับความคืบหน้าในการทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถ และพิโกไฟแนนซ์แบบไม่มีหลักประกันนั้น ในปลายเดือนนี้จะมีการเริ่มทดสอบกับลูกค้ากลุ่มใหม่ หลังจากที่ได้เริ่มเทสต์ในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไปแล้ว มีผลตอบรับที่ดี แต่ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาในการทดลอง เพราะมีหลายจุดที่ต้องประเมินหลังจากทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบาลานซ์ระหว่างต้นทุนกับกำไร การใช้ระบบ E KYC เข้ามาช่วย ตรงนี้จะต้องทำไปและปรับไปจนกว่าจะได้โมเดลที่ใช่ จึงจะออกเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าในวงกว้างขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น