"มั่นคงเคหะการ" เดินหน้าตามแผนระยะยาว 5 ปี เร่งเพิ่มพอร์ตอสังหาฯ เพื่อเช่า หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจเพื่อเช่าแตะ 50% ของรายได้รวมในปี 63 ล่าสุด ทุ่ม 250 ล้านบาท ผุดอาคารสำนักงานใหญ่สูง 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 5,000 ตร.ม. บนถนนสุรวงศ์ แจงปลายปีเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 1,500 ล้าน แย้มมีที่ดินสะสม 2 แปลง พัฒนาโครงการใหม่ปี 63
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนระยะยาว 5 ปี (2558-2563) ซึ่งตั้งเป้าว่าจะเพิ่มพอร์ตรายได้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าให้มีสัดส่วนเท่ากับรายได้จากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขายภายในปี 2563 หรือมีสัดส่วนรายได้จากการขาย 50% และมีรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่า 50% โดย ณ ไตรมาส 3/62 มั่นคงฯ มีรายได้รวม 3,742 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 70% หรือ 3,237 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่า 242 ล้านบาท คิดเป็น 30%
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพอร์ตรายได้ในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่า มั่นคงฯ ยังคงเดินหน้า ลงทุนในส่วนของอสังหาฯ ปล่อยเช่าอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปัจจุบันมีโครงการ อสังหาฯ เพื่อเช่าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คิดเป็นพื้นที่ 85,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งในจำนวนนี้มีการทำสัญญาเช่าแล้ว 65% ส่วนพื้นที่เช่าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีอยู่ 1.5 แสน ตร.ม. โดยมีผู้เช่าแล้ว 95%
"ล่าสุด มั่นคงฯ ได้เปิดตัวออฟฟิศแห่งใหม่บนถนนสุวินทวงศ์ เป็นการเช่าที่ดินระยะยาว 35 ปี จะใช้งบก่อสร้าง 250 ล้านบาท ในการพัฒนาอาคารสูง 7 ชั้น บนที่ดิน 2 ไร่ จากตระกูล "บุญนาค" เพื่อใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของมั่นคงฯ หลังจากหมดสัญญาเช่าอาคารสำนักงานเดิม จากจุฬาฯ สำหรับออฟฟิศแห่งใหม่นี้มีพื้นที่ก่อสร้างรวม 10,000 ตร.ม. และมีพื้นที่ใช้สอย 5,000 ตร.ม. โดยบริษัทจะใช้พื้นที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. ส่วนที่เหลืออีก 2,000 ตารางเมตร จะแบ่งให้เช่า ซึ่งขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวถูกเช่าไปแล้วกว่า 1,000 ตร.ม. บางส่วนได้กันไว้เป็นพื้นที่จอดรถ ทำให้ยังคงเหลือพื้นที่ปล่อยเช่าอีก 500- 800 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณา และศึกษาว่าจะปล่อยเช่าให้แก่ธุรกิจเพื่อสุขภาพ"
ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขาย ในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทมีการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่เข้ามาแล้ว 2 แปลง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าในปีหน้าจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ทั้งสิ้นกี่โครงการ เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ตลาดในปี 2563 อีกครั้ง
