บีทีเอส กรุ๊ปผงาด สร้างผลประกอบการรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยกำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ 1,131 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562/63 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจขนส่งมวลชน และจากความสำเร็จในการปรับกลยุทธ์ของ วีจีไอ
บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS Group รายงานกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 1,131 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562/63 โดยเพิ่มขึ้น 36.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักของการเติบโตอันโดดเด่นนี้มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า (Operation & Maintenance หรือ O&M) ในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่เพิ่งเปิดให้บริการ รวมถึงกำไรจากธุรกิจสื่อโฆษณาภายใต้การบริหารงานของ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ทั้งนี้ BTS Group ประกาศกำไรสุทธิประจ าไตรมาสนี้ จำนวน 1,278 ล้านบาท และกำไรสุทธิสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2562/63 จำนวน 2,171 ล้านบาท
ในไตรมาสนี้ ธุรกิจขนส่งมวลชนยังคงเป็นหน่วยธุรกิจหลักที่เดินหน้าสร้างรายได้และผลก าไรให้กับ BTS Group โดยรายได้รวมจากธุรกิจขนส่งมวลชน อยู่ที่ 9,132 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของรายได้รวมจากการด าเนินงาน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ จำนวน 7,531 ล้านบาท รวมถึงการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง - เคหะฯ) ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ส่งผลให้รายได้O&M เติบโตขึ้น 414 ล้านบาท หรือ 91.5% จากปีก่อนหน้า เป็น 866 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการให้บริการ O&M นี้ ถือเป็นปัจจัยหนุนหลักที่ท าให้ BTS Group สามารถสร้างสถิติกำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสูงสุดได้ในไตรมาสนี้
คุณกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว “ภาพรวมธุรกิจระบบขนส่งมวลชนของเราในครึ่งปีหลังและในอนาคตจะยังคงเติบโตแข็งแกร่ง จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวสถานีใหม่ๆ และผลจากความรุดหน้าของงานก่อสร้างรถไฟฟ้า”
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 มีการเปิดให้บริการสถานีแรก (สถานี N9: สถานีห้าแยกลาดพร้าว) ของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และเราคาดว่าจะเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนืออีก 4 สถานี (ถึงสถานี N13: สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ในเดือนธันวาคม 2562 โดยเราเชื่อมั่นว่าการเปิดให้บริการทั้ง 5 สถานีดังกล่าวในปีงบประมาณนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในระบบ รวมถึงช่วยเพิ่มรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เราคาดว่า โครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือจะเปิดให้บริการทั้งสาย จากหมอชิตถึงคูคต (ระยะทาง 17.8 กม., 16 สถานี) ได้ภายในปี 2563 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองนั้นคาดว่าเส้นทางหลักของทั้ง 2
โครงการดังกล่าวจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม ปี 2564
ในส่วนของธุรกิจสื่อโฆษณา VGI ได้สร้างสถิติรายได้และก าไรสุทธิสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน จากความส าเร็จในกลยุทธ์การเป็นผู้ให้บริการการตลาดแบบ Offline-to-Online (O2O) Solutions ส่งผลให้ VGI รายงานรายได้เพิ่มขึ้น 36.5% YoY จาก 1,222 ล้านบาท เป็น 1,668 ล้านบาท (เติบโต 36.5% จากปีก่อน) และ VGI ยังสามารถสร้างผลก าไรที่เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยประกาศก าไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6% YoY ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือทางด้าน synergy ภายในกลุ่ม VGI หนึ่งในการเดินหน้าปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ O2O solutions ของ VGI นั้น คณะกรรมการบริษัทมาสเตอร์ แอด จ ากัด (มหาชน) (MACO) (บริษัทย่อยของ VGI) ได้มีการอนุมัติการเข้าลงทุน 50% ใน บริษัท ฮัลโล บางกอก แอล อี ดี จำกัด และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Private Placement) จำนวน 1,080 ล้านหุ้น ให้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จ ากัด (มหาชน) (PlanB) ทั้งนี้ เมื่อธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ MACO จะเดินหน้ารุกต่อขยายการเติบโตในต่างประเทศ สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศ MACO จะให้สิทธิ PlanB เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการขายและบริหารสื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำธุรกรรมให้แล้วเสร็จสมบูรณ์นั้น ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นใน วันที่ 17 ธันวาคม 2562
คุณกวินกล่าวเพิ่มเติมว่า “จากผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณาที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายของธุรกิจสื่อโฆษณาสำหรับปี 2562/63 ที่ตั้งไว้ได้เพราะกลุ่ม VGI มีพัฒนาการที่สำคัญทั้งจากการด าเนินงาน ผสานเข้ากับการบูรณาการภายในกลุ่มธุรกิจภายใต้ VGI จะช่วยยกระดับผลการดำเนินงานให้เติบโต สามารถสร้างรายได้ ผลกำไร และมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต”
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก BTS Group ไม่เพียงแค่สร้างผลการดำเนินงานด้านการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงได้รับการจัดอันดับจากสถาบันที่ประเมินผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ดังวิสัยทัศน์หลัก City Solutions ของเราที่มุ่งหวังจะเป็นผู้นำและยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน โดย BTS Group ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ประจำปี 2562 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 และได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) ประจำปี 2562 เป็นปีแรก นอกจากนี้ BTS Group ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่มีความโดดเด่นในการด าเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ประจำปี 2562 โดยสถาบันไทยพัฒน์อีกด้วย
“รางวัลที่น่าภาคภูมิใจในครั้งนี้เป็นผลมาจากความทุ่มเทและการร่วมมือกันของทุกหน่วยงานใน BTS Group ในการมุ่งไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเรามุ่งเน้นให้บริษัทฯ มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อนำพากลุ่มบริษัท บีทีเอสของเราไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนในระยะยาวอย่างยั่งยืน” คุณกวินกล่าว