พฤกษาคาดอสังหาฯ ปี 62 อ่วมเหตุแบงก์เข้มปล่อยกู้ LTV เศรษฐกิจถดถอย คาดทั้งปีตลาดติดลบ12% คอนโดฯ หนักสุด เผยปรับแผนรับมือหันลงทุนโครงการเล็ก กระจายทำเล ขยับเซกเมนต์ลงทุนบ้านตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท - แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวามตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ตลาดชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ และการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงมาตรการ LTV ทำให้ตลาดอสังหาฯ ในช่วง 9 เดือนชะลอตัวถึง 22% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถึงสิ้นปีตลาดจะติดลบประมาณ 12% เนื่องจากไตรมาส 4 จะมีแรงซื้อเข้ามามากเพราะเป็นฤดูขายบ้าน หากแยกเป็นประเภทบ้าน คอนโดมิเนียมจะได้รับผลกระทบมากที่สุด -14% บ้านเดี่ยว -10.1% และทาวน์เฮาส์ -7.3%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบจากความเข้มงวดปล่อยกู้ซื้อบ้านของธนาคาร รวมไปถึง LTV ถือเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ซื้อบ้านและเชื่อว่าจะยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563 ดังนั้น บริษัทจึงปรับแผนการลงทุนเพื่อรองรับกับสถานการณ์ตลาด โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจพฤกษา แวลู ได้หันมาลงทุนพัฒนาโครงการขนาดเล็ก กระจายทำเล เน้นไปที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท
สำหรับบ้านเดี่ยว บ้านแฝด จะขยับทำเลเข้าในเมืองมากขึ้น เนื้อที่โครงการราว 20-30 ไร่ จากเดิมพัฒนาขนาดที่ดิน 80 ไร่ขึ้นไป ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯ จะเน้นที่ราคา 2-5 ล้านบาท ขณะที่ทาวน์เฮาส์จะเน้นที่ราคา 3-5 ล้านบาท กลุ่มลูกค้ารายได้ตั้งแต่ 50,000-150,000 บาท/เดือน
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนลงทุนของกลุ่มพฤกษา แวลูในปี 63 จะพัฒนาบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ประมาณ 15 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายยอดขายและรายได้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าปัจจัยลบในปีนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ส่วนในปี 2562 นี้ คาดว่าจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 20,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายถึงปัจจุบันทำได้ 15,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 17,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะนำสต๊อกสร้างเสร็จ บ้านเดี่ยว มูลค่า 3,000 ล้านบาท คอนโดฯ มูลค่า 3,000 ล้านบาท จัดแคมเปญขาย ฟรีทุกค่าใช้จ่าย และลดราคาขาย 5-10%
“นับจากครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์การเปิดขายโครงการคอนโดฯ โดยเน้นโครงการที่เป็น Best in Class เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพในท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าและมีดีมานด์รองรับ โดย ณ สิ้นไตรมาส 4/2562 บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มคอนโดฯประมาณ 4,447 ล้านบาท ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ” นายปิยะ กล่าว
ล่าสุด เปิดขายโครงการ “The Tree Victory Monument” เป็นอาคารสูง 31 ชั้น 1 อาคาร มีชั้นจอดรถใต้ดิน 3 ชั้น จำนวน 253 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.3 -8.48 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live The Upper Height” ถือเป็นโครงการ Highlight ของแบรนด์ The Tree โครงการแรกในระดับลักชัวรี มีการปรับโฉมที่ทำห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร และห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้น Roof Top ต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้น มีห้องพักให้เลือก 4 แบบ Heighten 1 Bedroom, Heighten 1 Bedroom Plus, Duplex 1 Bedroom และ Duplex 1 Bedroom Plus ขนาดเริ่มต้น 22.75-50.05 ตร.ม มาพร้อมกับชุดเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง (Fully Fitted)
ไฮไลต์ของโครงการคือ ส่วนกลางบนชั้น Rooftop Skyline “The Helical Monument” พื้นที่เชื่อมต่อกัน 6 ชั้นด้วยทางเดินหมุนวน ที่ดีไซน์บิดรูปฟอร์มของตัวอาคารทำให้ดูโฉบเฉี่ยว ซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนกลางแต่ละจุดเปิดรับวิวได้กว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น Helical Garden, Helical Sky Lounge, Helical Relaxing Jacuzzi, Helical Working Space, Helical Track ยาวต่อเนื่อง 3 ชั้น, Helical Fitness, Helical Terrace, Helical Bar, Helical Scenic Pool ไล่เรียงมาถึง Helical Roof Top Garden บนชั้นดาดฟ้า
นอกจากนี้ ยังใช้วัสดุตกแต่งจากหินแท้แบรนด์ชั้นนำระดับสากล ในด้านของ Pruksa Living Tech ก็มีเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัยหลากหลาย เช่น ระบบจอดรถแบบอัตโนมัติ ระบบสแกนเข้าออกโครงการด้วยบลูทูธ Vertical Green Wall ด้านหลังโครงการที่มีการคัดสรรพันธุ์ไม้กว่า 40 ชนิดที่คุณสมบัติในการกรองฝุ่น ช่วยดูดซับสารพิษ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัย รวมถึงระบบระบายอากาศ (Ventilation) ภายในพื้นที่ส่วนกลางช่วยให้การไหลเวียนอากาศภายในอาคารดีขึ้น